วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ฝีพาย ได้ดี

กาลครั้งหนึ่ง ณ เมืองแห่งหนึ่ง ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ทำมาหากินรุ่งเรือง ด้วยน้ำท่า ข้าวปลาสมบูรณ์ เพราะพระราชาทรงตั้งมั่น อยู่ในทศพิศราชธรรมปกครองประชาราชด้วยความเที่ยงธรรมเช้าวัน หนึ่ง พระราชาต้องการเสด็จประพาสทางเรือ จึงให้ทหารมหาดเล็กเตรียมเรือ ระดมฝีพาย เตรียมการเสด็จตั้งแต่รุ่งเช้า โดยมีฝีพาย และนายท้าย 21 ฝีพาย มหาดเล็กห้อมล้อมพัดวี ถวายความปลอดภัย เมื่อเรือผ่านคุ้งน้ำ เข้ามา ก็เป็นบริเวณศาลาท่าน้ำของวัดแห่งหนึ่ง พระราชาทรงให้ชลอเรือพระที่นั่งเพื่อทรงพักขบวนเรือชั่วคราว แล้วพระองค์ก็ได้ยินเสียงลูกสุนัขร้องแว่วเข้ามา จึงมีรับสั่งกับฝีพายว่า “ขึ้นไปดูซิ เสียงอะไรที่ท่าน้ำ” ฝีพายคนแรกขึ้นไป แล้วลงมาทูลว่า “ลูกสุนัข พระเจ้าข้า” พระราชาก็ตรัสถามต่อว่า “แล้วมีกี่ตัว” ฝีพายคนแรกทูลตอบว่า “ยังไม่ได้นับพระเจ้าข้า”พระองค์ จึงมีรับสั่งให้ฝีพายคนที่สองขึ้นไปดู เมื่อกลับลงมาจากท่าน้ำแล้วทูลว่า “มีลูกสุนัข สี่ตัวพระเจ้าข้า” ทรงตรัสถามต่อ ว่า “แล้วมีสีอะไรบ้าง” ฝีพายคนที่สองทูลตอบว่า “มิได้สังเกต พระเจ้าข้า”พระราชาจึงใช้ฝีพายคนที่สามให้ ขึ้นไปดู เมื่อฝีพายคนที่สามกลับลงมา ก็ทรงเรียกเข้าไปสอบถาม “แล้วเจ้าละ ตอบเรามาที ลูกสุนัขบนท่าน้ำมีสีอะไร” ฝีพายคนที่สามทูลตอบว่า “มีสีดำ สองตัว น้ำตาลและขาวอย่างละหนึ่งตัว พระเจ้าค่า” ทรงถามต่อ ว่า “แล้วมีตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัวละ” เจ้าฝีพายคนที่สามทูล ตอบว่า “เป็นตัวผู้หนึ่งตัว ส่วนอีกสามตัวเป็นตัวเมียพระเจ้าข้า” ทรง ถามต่อ ว่า “แม่มันไม่อยู่หรอกหรือ ไปไหนเสียล่ะ ลูกมันถึงได้ร้องครวญครางอย่างงี้น่ะ แล้วมันหย่านมกันแล้วหรือยังล่ะ” เจ้า ฝีพายทูลตอบว่า “แม่มันไปกินข้าว ที่หลวงตาเทให้ ส่วนการหย่านมสอบถามเด็กวัดแล้วว่า มันยังไม่หย่านม แต่ลูกมันกินข้าวกินอาหารเป็นแล้วพระเจ้าข้า”
พระราชาทรงถามต่ออีก ว่า “อย่างนั้นถ้าเราเอาไปเลี้ยงในวัง ได้แล้วซิ” ฝีพายทูลตอบว่า “อายุลูกสุนัขสมควรหย่านมแม่ได้แล้ว และมันหาอาหารกินเองได้ แยกจากแม่เอาไปเลี้ยงได้แล้วพระเจ้าข้า”ทรงรับสั่งกับฝีพายว่า “เราจะนำไปเลี้ยงหนึ่งตัว เจ้าจงไปเลือกดูว่าตัวไหนเหมาะสม” ฝีพาย คนนั้นก็ขึ้นไปที่ท่าน้ำ นำลูกสุนัขกลับมาหนึ่งตัว เป็นสุนัขเพศผู้สีดำ ทรง รับสั่งถามว่า “เหตุใด เจ้าถึงได้เลือกลูกสุนัขตัวนี้มาให้เราเลี้ยง” ฝ่าย ฝีพายทูลตอบว่า “อันลูกสุนัขเพศผู้ มันมีร่างกายเป็นสง่า แข็งแรงด้วยกล้ามเนื้อแล้ว ยังสามารถฝึกให้ล่าสัตว์ได้อีกด้วย อีกทั้งเมื่อถึงวัยเจริญพันธ์ อันเพศผู้ย่อมไม่เกิดลูกให้เป็นที่ระคายเคืองรำคาญพระบาท พระเจ้าข้า”เมื่อ พระราชาได้รับคำกราบทูลดังนี้แล้ว จึงมีรับสั่งว่า “เราขอตั้งให้เจ้าฝีพายผู้นี้ เป็นมหาดเล็กรับใช้ฝ่ายใน มีหน้าที่ดูแล เจ้าสุนัขทรงเลี้ยง และให้มันรับเบี้ยหวัดเงินรายเดือน รายปีต่อไป นับแต่บัดนี้”นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “จักทำอะไร หรือถูกใช้ให้ทำสิ่งใด จงใช้ความรอบคอบ คิดรอบ ไตร่ตรอง ในเรื่องต่าง ๆ ให้ครบถ้วน การทำงานนั้นจะสำเร็จ ไม่เสียเวลา เป็นที่ถูกใจของผู้บังคับบัญชา จะได้รับความไว้วางใจ ให้ทำงานที่สำคัญต่อไป”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น