วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คมอีกละ.. ขงเบ้ง

1. ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไรคุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น

2. เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาสเพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วยดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"

3. นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ

4. ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด

5. ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด

6. ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น

7. ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี

8. ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย

9. เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิดเดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร

10. เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขาเพราะถ้าท่านเป็นเขา และตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขาท่านอาจจะตัดส ินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้

ขงจื้อ ค๊ม คม...

ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่
ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"

นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ

ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด
ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด
ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น

ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี

ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย

เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว
เดินหมากรุกยังต้อง " คิด "
เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร

เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา
เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา
ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้

การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่

อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น

เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ"
เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่"
เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต ( เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร )

เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ"
เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้"
เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี ( สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย ๆ )

คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย

ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน
คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต

ความฝัน คือ...

ความฝัน คือประสบการณ์ของภาพ เสียง ข้อความ ความคิด หรือความรู้สึกในขณะที่กำลังนอนหลับ โดยผู้ที่ฝันส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมได้


ความฝันมักจะเต็มไปด้วยความคิดในด้านต่างๆ ซึ่งความฝันสามารถเกิดได้ตั้งแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคมจนถึงเรื่องเหลือเชื่อ รวมไปถึงเรื่องสนุกสนาน เรื่องตื่นเต้น เรื่องน่ากลัว เรื่องเศร้า ที่เรียกว่าฝันร้าย และในบางครั้งความฝันจะมีเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีผลต่อเนื่องอาจทำให้เกิดอาการฝันเปียกในผู้ชาย หลายๆครั้งที่ความฝันเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกทั้งทางด้านจิตใจและทางด้านศิลปะให้แก่ผู้ที่ฝัน


นักวิทยาศาสตร์ได้มีการศึกษาความฝันโดยอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดวงตาขณะนอนหลับ (rapid eye movement, REM) การกระตุ้นของต่อมponsส่วนประกอบส่วนหนึ่งของก้านสมอง หรือการเปลี่ยนแปลงของการเต้นของหัวใจ


นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า คนทุกคนเฉลี่ยแล้วจะมีความฝันในปริมาณที่เท่าเทียมกัน ถึงแม้ว่าบางคนจะรู้สึกว่าไม่ได้ฝันหรือนานๆทีจะได้มีความฝัน นั่นเพราะสาเหตุที่ว่าความฝันของบุคคลนั้นจางหายไปเมื่อตื่นนอน ความฝันมักจะเลือนหายถ้าสถานะของการฝันของบุคคลนั้นค่อยๆเปลี่ยนจาก สถานะอาร์อีเอม เป็นสถานะเดลต้า และตื่นนอน ในทางกลับกันถ้าบุคคลนั้นตื่นขึ้นขณะที่อยู่สถานะอาร์อีเอม (เช่นตื่นโดยนาฬิกาปลุก) บุคคลนั้นมักจะจำเรื่องที่ฝันได้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกความฝันที่จะถูกจำได้

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิธีทำให้สุนัขว่านอนสอนง่าย ๆ

พฤติกรรมก้าวร้าวของสุนัขที่คุณอาจจะยังไม่รู้ว่านั้นคือพฤติกรรมก้าวร้าว

1.ชอบกัดมือเจ้าของด้วยท่าทีหยอกเล่น(กัดเบาๆก้ไม่ได้) *เด๋วจะอธิบายทีหลัง

2.ใช้ขาหน้าโอบกอดแขนหรือขาของเจ้าของแล้วสะบัดหาง บางคนอาจเข้าใจผิดว่าเป้นการแสดงพฤติกรรมทางเพศอย่างหนึ่งแต่จริงๆแล้วคือMountingคือการแสดงพฤติกรรมต่อผู้ที่ต่ำตอยกว่าตัวเอง

3.เจ้าของเรียกแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้

4.เมื่อเจ้าของเข้าไปใกล้ขณะที่มันกินอาหารอยู่จะขู่

5.เมื่อเจ้าของหยิบของเล่นที่มันชอบมันก็จะขู่

6.ขณะที่เจ้าของพาไปเดินมันมันดึงเจ้าของไปในทางที่มันอยากไปหรือนิ่งไม่ยอมขยับ

7.ระหว่างที่พาไปเดินเล่นมันขู่หรือเห่าสุนัขตัวอื่น

8.เห่าแขกที่มาบ้านโดยไม่มีเหตุผล

จากข้อ1. คนที่คิดว่าให้ลูกหมากัดเล่นคงไม่เป็นไรมันก้แค่อยากเล่นหรือฟันพึ่งขึ้นกำลังมันเขี้ยว เป้นความคิดที่ผิด ถ้าเกิดเป็นลูกหมา2ตัวกัดกันก็ควรจะเข้าใจไว้ว่ามันจะตัดสินความเก่งกว่าด้วยการกัดเล่นนี่หละ หากเจ้าของยอมให้มันกัดเล่น ลูกหมาจะเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า เมื่อโตขึ้นก้จะไม่ยอมเชื่อฟังเจ้าของไปเรยยยย เกร็ดความรู้ ถึงคนจะอยากอยู่ในบ้านหลังใหญ่ๆแต่มิใช่หมายรวมถึงสุนัขด้วยเพราะบรรพบุรุษของมันอยู่ในหลุมมาก่อน ดังนั้นมันจะรู้สึกปลอดภัยกว่าเมื่อได้อยู่ในกรง ดังนั้นจึงควรหาสถานที่เหมาะสมให้มันเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายตัวอย่างเช่นกรง(บ้าน) วิธีที่จะทำให้มันคุ้นเคยกับกรง(บ้าน)ก้แค่นำอาหารหรือของที่มันชอบไว้ในกรง(บ้าน)เพื่อลดความหวาดระแวงต่อกรง(บ้าน) และเมื่อมันอยู่ในบ้านก้ควรสงเสียงชมมันบ่อยๆ และเมื่อมันออกจากกรงให้ยึดของเล่นอาหารและห้ามส่งเสียงพูดคุยกับมันด้วย วิธีนี้จะทำให้มันคิดว่าอยู่ในกรงมีแต่เรื่องๆดีๆ ทำให้มันสมัครใจที่จะอยู่ในกรง และเมื่อเวลามันจะเข้ากรง(บ้าน) ให้เราส่งเสียงด้วยว่า กรง(บ้าน) เพื่อให้มันคุ้นกับคำๆนี้ เมื่อมันจำคำสั่งได้ก็จะสมัครใจเข้ากรง(บ้าน)เอง และเมื่อมันเข้าไปอยู่ในกรงก้ควรสงสัยเรียกมันให้มากๆด้วยเพื่อให้มันเกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับกรง(บ้าน)


เกร็ดความรู้ที 2 Leader walk คือการพาสุนัขไปเดินเล่นโดยให้อยุ่ด้านซ้ายของมนุษย์ หากสุนัขเดินออกนอกเส้นทาง ให้ดึงมาฝั่งตรงข้าม(ทางที่มันไป)180องศาเช่นไปขวาดึงมาซ้าย เฉียงบนขวา ดึงมาเฉียงล่างซ้าย(ดึงแรงขนาดให้หมาเซ,ล้ม) วิธีนี้ข้อควรระวังคือเมื่อดึงเสร้จอย่าไปมองมันให้ทำเป้นไม่รู้ไม่ชี้ ให้ทำอย่างนี้ทุกครั้งเพราะมันสงสัยว่าเกิดความผิดพลาดอะไร บางอย่างรึป่าว แต่เมื่อเราดึงซ้ำไปซ้ำมาบ่อยๆมันก้จะรู้สึกเองว่าเราคงสู้คนๆนี้ไม่ได้ละมั้ง ที่สำคัญคือเราต้องอดทนทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำต่อเนื่องทุกๆวัน


เกร็ดความรู้ที่3 Hold still คือการกอดสุนัขจากด้านหลัง เพื่อควบคุมไม่ให้ขยับหรืออาละวาด ต้องกอดมันอย่างนี้อาจจะนานอาจ10หรือไม่ว่ากี่น่ทีก้ตาม จนกว่ามันจะยอมหยุดอาละวาดและยอมอยู่นิ่งๆ แล้วเมื่อเราสามารถทำ Hold still จนมันหยุดนิ่งได้แล้วก้ให้พายามจับ ตัวของมันให้ทั่วทั้งตัว โดยไม่ให้มันขยับ หากมันมีท่าทีจะต่อต้านให้เอามือนึงประคองตัวมันอีกมือจับที่คางของมัน ท่ามันไม่มีท่าทีจะขัดขืนให้ลองเอานิ้วแตะที่ฟันของมัน ถ้าทำได้ถึงขั้นนี้ก็แสดงว่าได้ผลดีพอสมควรแล้ว และสุดท้ายคือ จับมันนอนหงายแล้วลูบท้องเบาๆ ในกรรีที่มันไม่ยอมนอนหงาย ก้ให้ลูบท้องด้านขวาเอาแทน สุนัขบางตัวอาจนอนหลับไปเรยก้ได้

*****จบการสอนขั้นพื้นฐาน****


ฝึกภาค2

เกร็ดความรู้(อีกละ) *นั่ง ให้พูดคำว่านั่งลงในขณะที่สุนัขกำลังนั่งเองตามะรรมชาติ แล้วกล่าวชมว่า ดีมาก เมื่อทำแบบนี้ซ้ำๆ สุนัขก็จะเข้าใจไปเองว่านั่งแล้วจะได้รับคำชม ปล. ทำให้มันชินกับคำชมก่อนนะ *ให้สุนัขนั่งลงโดยพูดคำว่า หมอบ พร้อมกับกดไหล่สุนัขเบาๆและดึงขาหน้าออกให้เป้นท่าหมอบ ต่อไปก็คือทำให้ชินกับการหมอบ โดยที่เราไม่ต้องดึงขาและกดไหล่ และเมื่อเรายืนขึ้นแล้วโดยสุนัขยังหมอบอยู่ให้เราชมมันด้วย *หยุด ให้สุนัขนั่งลงโดยพูดคำว่าหยุดพร้อมชูมือทั้ง2ไปที่สุนัข แล้วค่อยๆถอยออกไปช้าๆ ถ้าสุนัขเดินตามให้จับกลับไปที่เดิมแล้วเริ่มใหม่ เมื่อสุนัขรอได้สักครู่เราก้ควรเดินกลับไปที่สุนัข ก่อนที่มันจะเคลื่อนไหว แล้วกล่าวชมด้วย เมื่อทำได้แล้วก้ค่อยๆเพิ่มระยะห่างออกไป *มานี่ ให้สุนัขนั่งลงในลักษณะท่า รอ (หยุด)เดินถอยไปห่างๆ แล้วเรียกว่า มานี่ ถ้าสุนัขไม่มาก้ให้ดึงเชือกเบา เมื่อสุนัขเข้ามาใกล้ก้ให้ชมมันด้วย

5 อันดับสุนัขขายดี ในประเทศไทย


อันดับที่ 5
บลูด๊อก
มีนิสัยที่สงบ, อ่อนโยน, กล้าหาร, แต่ไม่ก้าวร้าวหรือดุ อารมณ์สงบนิ่งและอ่อนโยน กล้าหาญ ดูจากภาพนอกแล้วจะบ่งบอกถึงความสง่างาม คุณสมบัติเหล่านี้ จะเห็นจากสีหน้าของสุนัข และการแสดงออก


อันดับที่ 4
ยอร์กเชียร์ เทอร์เรีย
สุนัขพันธุ์ยอร์กเชียร์ เทอร์เรีย เป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริง กระตือรือร้นแต่ไม่ตื่นตูม อ่อนโยนและซื่อสัตย์เกิดตัว เนื่องจากมันขนยาวจึงมีแฟชั่นตัดแต่งขน จึงมักนิยมไว้ขนบริเวณหน้าและปาก ทำให้ดูเหมือนมีหนวดเครายาวรุงรัง


อันดับที่ 3
พุดเดิล
เป็นสุนัขที่ฉลาดและตอบสน องไวที่สุดในบรรดาสุนัขทั้งหมด พุดเดิ้ลมีด้วยกัน 3 ขนาด คือ ขนาดมาตรฐาน ขนาดเล็ก และขนาดทอย(ตุ๊กตา) พุดเดิ้ลทุกขนาดจะเป็นสุนัขที่น่าหยิกน่าหมั่นไส้ แสนประจบ ซน และขี้เล่น พุดเดิ้ลพันธุ์เล็กกับพันธุ์ทอยมีอุปนิสัยที่ไม่ค่อย ไว้ใจคนแปลกหน้า และมีความอดทนกับเด็กน้อยกว่าพันธุ์มาตรฐาน

อันดับที่ 2
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
เป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันแพร่หลายในโลก ด้วยความท ี่เป็นสุนัขที่มีลักษณะเป็นมิตรด้วยใบหน้าและแววตาที่ดูเหมือนจะยิ้มได้ตลอดเวลา ไม่มีความกร้าวร้าว เฉลียวฉลาดและช่าง เอาใจ ฝึกสอนง่าย จึงเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันอยู่มากในทุกวันนี้



อันดับที่ 1
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความอดทน เข้มแข็ง มีความสามารถในการดมกลิ่นดีเยี่ยม มีความปรารถนาจะเอาใจผู้อื่นอีกด้วย และเป็นสุนัขที่ขี้เล่นกับเจ้าของมาก สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กประกอบกับการที่ เป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดีเนื่องจากมีเสียงเห่าทุ้มและ หนักแน่น เป็นที่น่าเกรงขามเพื่อเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก

คู่มือเลี้ยงสุนัข อย่างมีระดับ

ลูกสุนัขที่ได้มาใหม่จะนำความปิติมาสู่คุณนานหลายปี ในวันข้างหน้าเขาจะมาเป็นสหายที่ใกล้ชิด เพื่อนเล่นที่เป็นมิตรที่ไว้ใจได้ อย่างไรก็ตาม หากปราศจากความพยายามสิ่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น คุณควรเริ่มฝึกเขา ตั้งเต่ยังเล็กอยู่ เพื่อต้อนรับเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว ก็เหมือนๆกับเด็กทารกนั่นเอง ลูกสุนัขที่ได้มาใหม่ ต้องการอาหาร การหลับนอน การเล่นและการฝึกที่สม่ำเสมอ ซึ่งก็หมายความว่าเขาต้องการการดูแล และเอาใจใส่อย่างมาก เราตระหนักดีว่าเจ้าของลูกสุนัขที่มาใหม่มีความผูกพันกันอย่างมาก เราจึงนำท่านและลูกสุนัขมาอยู่ด้วยกันเพื่อจะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้อง ซึ่งประกอบด้วยเคล็ดลับเบื้องต้นเกี่ยวกับในวันแรกที่เขาเข้ามาอยู่ในบ้าน เป็นต้นว่า ที่อยู่ของลูกสุนัข การเคี้ยวและการฝึกในบ้าน เป็นต้น
ที่อยู่ของลูกสุนัข

ลูกสุนัขต้องการที่อยู่ที่เป็นส่วนตัว หากล่องหรือที่นอนสำหรับสุนัขไว้ในคอกที่อบอุ่นและมีมุมที่ไม่มีลมโกรก (กรงสุนัขที่ใช้ในเวลาการเดินทางจะได้เปรียบ เพราะสามารถนำมาใช้ได้ตลอดอายุขัยของเขา ถ้าจะซื้อมาใช้ ต้องให้มีขนาดใหญ่พอเมื่อเขาโตเต็มที่) เขาจะใช้กรงเป็นสถานที่พักผ่อนนอนหลับและรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจ เอากล่องกระดาษหรือกล่องไม้วางด้านข้างลงทำเป็นเตียงนอนที่มิดชิด เขาก็จะยิ่งรู้สึกปลอดภัย เหตุผลก็คือว่า บรรพบุรุษซึ่งคล้ายกับหมาป่าของเขาเคยอาศัยถ้ำเป็นบ้านพัก โดยสัญชาตญาณลูกสุนัขก็จะรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในที่ที่คล้ายกับถ้ำ อาจจะปูพื้นด้วยผ้าเช็ดตัว หรือผ้าห่มเก่าๆที่อยู่ของเขาก็จะสมบูรณ์แบบ เมื่อเขาอยู่ในที่ของเขา อย่าได้รบกวนหรือดึงตัวเขาออกมา ควรให้เขาออกมาเองอย่าให้เด็กๆ รบกวนหรือเย้าแหย่เขาเล่น เขาต้องการความรู้สึกปลอดภัยถ้าเขาอยู่ในที่ของเขา อย่ากักขังเขาในกรงเป็นเวลานานๆ ถ้าเขาทำอะไรผิดก็อย่าได้ไล่เขาเข้าไปในกรง การทำอย่างนั้นจะทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นที่ทำโทษเขา แทนที่จะเป็นสถานที่พักที่มีความสุขสบาย คุณควรจะรู้สึกสบายใจที่ลูกสุนัขมีที่ของตัวเอง เขาจะไปงีบหรือขดตัวนอนอย่างมีความสุขตลอดคืน โดยไม่เห่าหรือร้องคราง และคุณก็รู้ว่าเขาจะไม่ก่อความเดือดร้อนให้แม้คุณจะไม่คอยเฝ้าดูเขาก็ตาม
การเคี้ยว

ฟันของลูกสุนัขจะขึ้นอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 3 ถึง 6 เดือน ในช่วงนี้ควรจะให้ อะไรเขาเพื่อขบเคี้ยว เพื่อช่วยในการขึ้นของฟัน ลูกสุนัขจะกัดสิ่งของโดยไม่เลือก เขาไม่รู้ว่านั่นคือรองเท้าคู่ที่ดีที่สุดของคุณ หรือมันคือขาโต๊ะที่เป็นวัตถุโบราณเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดจากลูกสุนัข ขอแนะนำให้หาของขบเคี้ยวที่ไม่แตกหักหรือเป็นภัยกับลูกสุนัขเพื่อจะขบเคี้ยวเล่น เช่น ลูกบอลยางที่โตและแข็งพอที่เขาจะกลืนไม่ได้ หรืออาจจะเป็นกระดูกเทียม คุณอาจจะให้รองเท้าเก่าๆ หรือวัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรองเท้าเหมือนของคน เพราะสุนัขคิดว่าจะเป็นรองเท้าอะไรก็ได้ทั้งนั้นเพื่อความสนุกสนาน อย่าให้กระดูกจริงทั้งสุกและดิบก็ตาม เพราะกระดูกแตก ทำให้เกิดบาดแผลในปากหรือติดคอในขณะที่เขากลืนเศษกระดูกเข้าไป หาทางทำให้กระดูกเทียมและลูกบอลเป็นที่ดึงดูดสำหรับลูกสุนัข โดยที่คุณนำสิ่งเหล่านั้นมาเล่นเกมส์กับเขา เมื่อไรก็ตามหากลูกสุนัขเขาเริ่มจะกัดแทะสิ่งของที่ต้องห้ามก็รีบนำกระดูกเทียมหรือลูกบอลให้แทน ออกคำสั่งว่า "อย่า" อย่างขึงขังแล้วนำสิ่งของที่มีค่าออกห่างจากเขา เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มกัดแทะของที่เราให้เขา ก็ให้กล่าวชมความประพฤติที่ดี แล้วจะรู้สึกว่าจะมีการตอบสนองอย่างมีความสุข ช่วยให้ลูกสุนัขให้อยู่ห่างไกลจากสิ่งที่เป็นโทษ เป็นต้นว่า น้ำยาทำความสะอาดทินเนอร์ สารเคมีที่ใช้ในบ้านเรือน และสิ่งของที่มีอันตราย โดยเก็บสิ่งเหล่านั้นในตู้ที่ล็อกกุญแจได้
การฝึกในบ้าน

ควรฝึกลูกสุนัขโดยทันที เริ่มจากการให้อาหารลูกสุนัขเป็นเวลาและพาออกไปเที่ยวนอกบ้านบ่อยๆ ถ้าหากคุณเลี้ยงลูกสุนัขของคุณด้วยอาหารของลูกสุนัขของยูคานูบาหรืออามส์สำหรับลูกสุนัข จะพบว่าเวลาในการฝึกจะสั้นลงเนื่องจากการให้อาหารและการขับถ่ายจะเป็นกิจวัตรจะมีสิ่งบอกเหตุซึ่งคุณคุณต้องคอยสังเกตว่า ถึงเวลาที่จะต้องนำลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน ในกรณีที่ลูกสุนัขเดินไปตามพื้นเป็นรูปวงกลม นั่งหรือร้องครางอยู่ที่ประตู หรือถ้าคุณมองเห็นสุนัขของคุณมองคุณด้วยสายตาวิงวอน และกระวนกระวาย นั่นแสดงว่าเป็นเวลาที่คุณควรจะนำเขาออกไปข้างนอกหลังจากที่ลูกสุนัขปัสสาวะเสร็จ ให้ชมเขาอย่างเงียบๆ แล้วนำเขาเข้ามาในบ้านในไม่ช้าเขาก็จะเชื่อมโยงการปัสสาวะนอกบ้านกับคำชมเชยของคุณ
เมื่อไหร่ถึงจะพาลูกสุนัขออกไปนอกบ้าน- หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเพียงเล็กน้อย สำหรับลูกสุนัขส่วนใหญ่ - หลังจากการงีบของเขา - หลังจากกลับบ้านมาหาเขา ซึ่งปล่อยให้อยู่โดยลำพัง - หลังอาหารโดยทันที - หลังจากที่คุณจะพักผ่อน เมือไรก็ตามที่ลูกสุนัขจ้องมองคุณ

แล้วเขาก็กระตือรือร้นที่จะเอาใจคุณ บางครั้งอาจจะพบว่ามีการขับถ่ายเลอะเทอะ คุณก็ไม่ควรขึ้นเสียงหรือตบตีเขาหรือจับเขาดมสิ่งที่เขาขับถ่ายออกมา ในขณะที่เขาอาจจะหมอบคุดคู้ด้วยความหวาดกลัว เขายังเล็กเกินไปที่จะโดนการดุว่าในเรื่องการขับถ่ายที่เลอะเทอะ ถ้าคุณพบเขากำลังถ่ายอยู่ ก็จงรีบนำเขาออกไปนอกบ้านเพื่อให้เขาขับถ่ายจนสุดแล้ว ให้กล่าวชมในความพยายามของเขา การทำความสะอาดสิ่งขับถ่ายที่เลอะเทอะ สารดับกลิ่นและสารขับไล่แมลงจะช่วยได้มาก อย่าใช้สารทำความสะอาดที่มีแอมโมเนียเป็นส่วนผสม แม้ว่าในทางเคมีแอมโมเนียและยูรีน จะมีส่วนคล้ายคลึงกันเมื่อทำความสะอาด ควรจะต้องให้แห้งสนิท หาไม่แล้วลูกสุนัขของคุณจะกลับมาสูดดมกลิ่นที่ทำให้เลอะเทอะและอาจจะถูกกระตุ้นให้ทำความเลอะเทอะอีก

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คำคม จาก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

A human being is a part of a whole, called by us -universe-, a part limited in time and space. He experiences himself, his thoughts and feelings as something separated from the rest…a kind of optical delusion of his consciousness. This delusion is a kind of prison of us, restricting us to our personal desires and to affection for a few things nearest to us. Our tasks must be to free ourselves from this prison by widening our circle of compassion to embrace all living creatures and the whole of nature in its beauty.
มนุษย์คนหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่เราเรียกว่า เอกภพ เป็นส่วนเสี้ยวที่ถูกจำกัดด้วยอวกาศและเวลา เขาได้รับประสบการณ์ด้วยตัวเขาเองเป็นความคิดและความรู้สึกที่กันออกจากส่วน ที่เหลือ นั่นก็คือ มายาคติเชิงการเห็นชนิดหนึ่งจากความรู้สึกนึกคิดของเขาเอง มายาคตินี้เป็นคุกชนิดหนึ่ง จำกัดเราให้อยู่แต่ความปรารถนา ความรักใคร่สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวจำนวนน้อย ภาระของเราคือการปลดปล่อยตัวเราเองจากคุกชนิดนี้โดยขยายขอบฟ้าของเมตตาจิต ให้ครอบคลุมทุกสรรพชีวิต และธรรมชาติทั้งหมดในความงามของมัน



A person starts to live when he can live outside himself.
บุคคลจะเริ่มมีชีวิตที่แท้จริงก็ต่อเมื่อเขาสามารถดำเนินชีวิตภายนอกตัวเขา



Gravity is not responsible for people falling in love.
แรงโน้มถ่วงไม่รับผิดชอบสำหรับคนที่ตกหลุมรัก


Sometimes one pays most for the things one gets for nothing.
บางครั้งคนเราก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ไร้ค่า


Weakness of attitudebecomes weakness of character.
ทัศนคติที่อ่อนด้อยนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่อ่อนแอ


I never think of the future.It comes soon enough.
ข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงอนาคตเพราะมันมาถึงด้วยความเร็วสูง


There are only two ways to live your life.One is as though nothing is a miracle.The other is as though everything is a miracle.
มีสองวิธีในการใช้ชีวิต คือทางหนึ่งไม่มีอะไรมหัศจรรย์เลยกับอีกทางทุกสิ่งล้วนมหัศจรรย์


I’m like a run-down old car – something is wrong in every corner,but life is still worthwhile as long as I can still work.
ตอนนี้ข้าพเจ้าก็เหมือนรถเก่าๆ ที่เสื่อมถอยลงคันหนึ่ง มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไปทุกซอกมุม แต่ชีวิตยังทรงคุณค่าตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังคงทำงานอยู่


Look deep, deep into nature,and then you will understand everything better.
จงมองให้ลึกลึกลงไปในธรรมชาติ แล้วเราจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น


These thoughts did not come in any verbal formulation.I rarely think in word at all.A thought comes, and I may try it express it in words afterward.
ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นในรูปของถ้อยคำ ข้าพเจ้าไม่ค่อยคิดเป็นถ้อยคำเมื่อเกิดความคิดขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงพยายามอธิบายด้วยถ้อยคำในภายหลัง


I no quite certainly thatI myself have no special talent; curiosity, obsession and dogged endurance, combined with self criticism, have brought me to my ideas.
ข้าพเจ้าไม่ได้มีพรสวรรค์พิเศษอะไร ข้าพเจ้าเพียงแต่มีความกระหายใคร่รู้อยู่เสมอ ทุ่มเทให้กับสิ่งที่อยากรู้ พากเพียรอย่างทรหด และสำรวจวิจารณ์ความรู้ของตัวเองเป็นประจำ ปัจจัยเหล่านี้คือที่มาของแนวคิดต่างๆ ของข้าพเจ้า


When a blind beetle crawls over the surface of the globe, he doesn’t realize that the tract he has covered is curved.I was lucky enough to have spotted it.
เมื่อแมลงคลานไปตามพื้นผิวโลกเค้าไม่มีโอกาสได้รับรู้ว่าทางเดินของเค้าที่แท้จริงแล้วเป็นผิวโค้งข้าพเจ้าโชคดีที่ได้รู้


Joy in looking and comprehending is nature's most beautiful gift.
ความสนุกในการค้นคว้าและทำความเข้าใจคือของขวัญอันยิ่งใหญ่จากธรรมชาติ


It conflicts with one’s scientific understandingto conceive of a thing which acts but cannot be acted upon.
มันขัดความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ของใครก็ตามที่จะนึกจินตนากรรมสิ่งที่กระทำแต่ไม่สามารถถูกกระทำ



Two things inspire me to awe –the starry heavens aboveand the moral universe within.
มีสองสิ่งที่บันดาลใจให้ข้าพเจ้าเกรงขามคือ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และเอกภพของศีลธรรมภายใน


Curiosity has its own reason for existing.
ความอยากรู้อยากเห็นมีเหตุผลของมันเอง


Two things are infinite:the universeand human stupidityand I'm not sure about the universe.
มีสองสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด คือเอกภพ กับความโง่เขลาของมนุษย์แต่เอกภพนั้นข้าพเจ้าไม่แน่ใจนัก


Common sense is the collection of prejudices acquired by age eighteen .
สามัญสำนึกคือ ชุดสะสมของอคติที่ได้มาตอนอายุ 18 ปี


Any intelligent foolcan make things bigger,more complex,and more violent.It takes a touch of genius - and a lot of courage - to move on the opposite direction.
ผู้มีความรู้แต่โง่เขลามักทำในสิ่งที่ใหญ่โตโอฬาร สลับซับซ้อน และรุนแรงต้องใช้ปัญญาเยี่ยงอัจฉริยะ จึงจะเดินไปในทิศทางตรงข้ามได้


Great spirits have often encountered violent opposition from -weak minds- .
จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มักเผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรงจาก จิตใจที่อ่อนด้อย


It is the supreme art of the teacher to awaken joy in creative.
สุดยอดศิลปะของการสอนคือการปลุกให้สนุกในการสร้างสรรค์


I never teach my pupils;I only attempt to provide the conditions in which they can learn.
ข้าพเจ้าไม่เคยสอนลูกศิษย์ข้าพเจ้าเพียงแต่สร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้


Never regard study at a duty,but as the enviable opportunity to learn to know the liberating influence of beauty in the realm of the spirit for your own personal joy and to the profit of the community to which your later work belongs.
จงอย่าถือว่าการศึกษาคือหน้าที่แต่เป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาอาณาจักรจิตวิญญาณภายในเพื่อเสรีภาพของเราเองและเพื่อสังคมการทำงานที่เราจะเป็นส่วนหนึ่งในอนาคต


The pursuit of truth and beauty is a sphere of activity in which we are permitted to remain children all our lives.
การแสวงหาความจริงและความงามเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราสามารถเป็นเด็กได้ตลอดชีวิต


Do not worry about your difficulties in Mathematics.I assure you mine are still greater.
อย่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความยากของวิชาคณิตศาสตร์…จนถึงทุกวันนี้ ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่าคณิตศาสตร์ยังคงเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับข้าพเจ้า


If you know what have you done,it doesn’t a research.
ถ้ารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำคืออะไรคงไม่เรียกว่างานวิจัย


The truth of a theory is in your mind, not in your eyes.
ความจริงแท้ของทฤษฎีอยู่ภายในจิตใจ ไม่ใช่อยู่กับสิ่งที่มองเห็น


Knowledge is not wisdom.
ความรู้ไม่ใช่ปัญญา

ทำ 4 ข้อ ก็มีความสุขได้ จากท่าน ว. วชิรเมธี

> 1. อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '

> 2. อย่ามัวแต่คิดริษยา 'แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน' คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาคนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น 'ไฟสุมขอน' (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล ่อยให้ลอยไป

> 3. อย่าเสียเวลากับความหลัง 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' ' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ' กำกับตลอดเวลา

> 4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ 'ตัณหา'ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม' ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์ เราต้องถามตัวเองว่า 'เิกิดมาทำไม' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ คำว่า 'พอดี' คือ ถ้า 'พอ' แล้วจะ 'ดี' รู้จัก 'พอ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข'

ข้อคิดดี ๆ จากท่าน ว. วชิรเมธี

๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน ?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ
.........................................................................................................................
๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี ?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงคราม ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
...........................................................................................................................
๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี ?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข..........................................................................................................................
๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน ?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน
...........................................................................................................................
๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา ?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง
..........................................................................................................................
๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา
.............................................................................................................................
๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้
...........................................................................................................................
๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี ?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ
........................................................................................................................
๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร ?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา .
............................................................................................................................
๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี ?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด
จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่
............................................................................................................................
๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย ?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย
..........................................................................................................................
๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม ?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า .
..........................................................................................................................
๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน ?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน
..........................................................................................................................
๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ
.........................................................................................................................
๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง
..........................................................................................................................
๑๖. สวดมนต์บทไหนดี ?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง
..........................................................................................................................
๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี ?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
.........................................................................................................................
๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก ?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน
.........................................................................................................................
๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม ?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน
..........................................................................................................................
๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เลี้ยงกระรอก


การเจริญพันธุ์ .. วัยเจริญพันธุ์ของกระรอกจะแตกต่างกันไป แล้วแต่สายพันธุ์ จะเริ่มตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 2 ปี ระยะเวลาตั้งท้องประมาณ 20-40 วัน จำนวนลูกไม่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่ประมาณ 1-2 ตัว อายุขัยอาจจะสามารถยาวนานได้ถึง 10 ปี
การเลี้ยงลูกกระรอก ลูกกระรอกจะเลี้ยงค่อนข้างยากเนื่องจาก ผู้ขายมักจะนำมาจากแม่ในธรรมชาติ มากกว่าที่จะมีการเพาะเลี้ยงได้เอง ดังนั้นจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพพอสมควร เพราะไม่ได้รับน้ำนมจากแม่มาอย่างเพียงพอ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เลี้ยงกระรอกที่เล็กเกินไป ลูกกระรอกที่ยังไม่ลืมตาต้องมีการกระตุ้นให้ตาเปิดโดยใช้สำลี ชุบน้ำหมาดเช็ดที่ตามทุกวัน นอกจากนี้ต้องเช็ดที่ก้นด้วยเพื่อกระตุ้นการขับถ่าย
อาหารลูกกระรอก .. ลูกกระรอกที่ยังไม่หย่านมจำเป็นต้องกินน้ำนม น้ำนมส่วนใหญ่ที่ให้กินจะเป็นนมผงสำหรับเด็กแรกเกิด หรือนมผงสำหรับเลี้ยงลูกสุนัข หรือกระต่าย หรือหนู นอกจากนี้อาจให้เป็นนมถั่วเหลืองได้ สำหรับนมวัวไม่แนะนำให้ใช้ เพราะมักจะเป็นสาเหตุให้กระรอกท้องเสียได้ เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลที่ลูกกระรอกไม่สามารถย่อยได้มาก การชงนม ต้องชงใหม่ทุกครั้ง และไม่ให้นมที่ร้อนเกินไปแก่ลูกกระรอก การชงนมไม่ควรให้เข้มข้นเกินไปเพราะจะกินยาก และทำให้เกิดการท้องอืด หรือท้องเสียได้ การป้อนนมนิยมใช้กระบอกฉีดยาขนาดเล็กค่อยๆหยอดให้กิน อย่าให้เร็วหรือมากเกินไปในแต่ละครั้ง เพราะอาจทำให้สำลักได้ซึ่งจะส่งผลให้ลูกกระรอกเป็นปอดบวมได้ ลูกกระรอกควรได้กินนมประมาณ 5 ครั้งต่อหนึ่งวัน ในแต่ละครั้งไม่ควรให้จนอิ่มเกินไปเพราะจะทำให้ท้องอืดได้
ที่อยู่ของลูกกระรอก .. ลูกกระรอกต้องการความอบอุ่นมากกว่ากระรอกโต ดังนั้นที่อยู่ของมันควรจะปราศจากลมพัด อากาศอบอุ่น ควรมีการตั้งหลอดไฟ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ลูกกระรอก มีผ้าเพื่อให้ลูกกระรอกซุกตัว และปลอดภัยจากสัตว์อื่นรวมทั้ง เด็กที่อาจจะเข้ามารบกวน และอันตรายแก่ลูกกระรอกได้
การหย่านม .. ควรเริ่มให้อาหารอ่อนเมื่อเมื่อลูกกระรอกอายุประมาณ 2-3 เดือน แต่คนเลี้ยงไม่นิยมหย่านมลูกกระรอกเนื่องจากสามารถให้นมเป็นอาหารลูกกระรอกที่โตได้เช่นกัน จริงๆแล้วควรฝึกให้ลูกกระรอกเริ่มกินผลไม้ ผัก ใบไม้เป็นหลัก และให้นมเป็นอาหารเสริม เพราะจะช่วยให้กระรอกมีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่า
การอาบน้ำกระรอก .. ผู้เลี้ยงบางท่านชอบอาบน้ำให้กระรอก ซึ่งสามารถทำได้ แต่ควรจะเช็ดตัว และทำให้กระรอกตัวแห้งโดยเร็วเพื่อไม่ให้เป็นปอดบวม การอาบน้ำทำได้โดยใช้น้ำเปล่าอาบ หากจำเป็นต้องใช้แชมพูให้ใช้แชมพูของสุนัขที่อ่อนที่สุด โดยนำไปละลายน้ำให้เจือจางอีก 3-4 เท่า ก่อนอาบ
โรคและการเจ็บป่วย .. • ท้องเสีย ลูกกระรอกต้องการความอบอุ่นมากกว่ากระรอกโต ดังนั้นที่อยู่ของมันควรจะปราศจากลมพัด อากาศอบอุ่น ควรมีการตั้งหลอดไฟ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ลูกกระรอก มีผ้าเพื่อให้ลูกกระรอกซุกตัว และปลอดภัยจากสัตว์อื่นรวมทั้ง เด็กที่อาจจะเข้ามารบกวน และอันตรายแก่ลูกกระรอกได้ • ปอดบวม อาการที่พบคือ หายใจลำบาก หอบ มีน้ำมูก ไอ เบื่ออาหาร เป็นต้น สาเหตุมักเกิดจาก อากาศเย็นเกินไป การอาบน้ำ ความเครียดจากการย้ายที่อยู่ หรือเปลี่ยนอาหาร โรคนี้มักจะทำให้กระรอกเสียชีวิตได้ การรักษา มักจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา รวมทั้งต้องมีการป้อนอาหารเพื่อไม่ให้กระรอกขาดอาหารมากเกินไปด้วย การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ยาวนานเกินไปอาจส่งผลให้กระรอกท้องเสียได้ ถ้าเกิดอาการท้องเสียหลังจากรักษาปอดบวมหายแล้ว ให้ป้อนโยเกิร์ตเป็นอาหารแก่กระรอกเพื่อเป็นการเพิ่มแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ลดอาการท้องเสียได้


เขียนโดย Rainbow

วิธีเลี้ยง หนู Rat ดีดี



วิธีการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์อาหารหลักที่ควรให้แฮมสเตอร์ คือ ธัญพืชโดยจะโปรยอาหารลงบนพื้นก็ได้เพราะแฮมสเตอร์ไม่มีนิสัยชอบก้มกิน มันจะชอบหยิบอหารออกมากินนอกภาชนะมากกว่า โดยใช้เท้าหน้าจับอาหารกิน แต่การใช้ภาชนะมีข้อดี คือจะทำให้เราได้รู้ว่ามันเอาอาหารออกไปกิน มากน้อยแค่ไหน ถ้ามันป่วยเราก็รู้ได้ นอกจากนี้ การใส่ภาชนะยังทำให้อาหารและขี้เลื่อยไม่ปะปนกันทำให้การเปลื่ยนขี้เลื่อยทำได้ง่ายโยไม่ต้องทิ้งอาหารที่ปนกับขี้เลื่อย
สิ่งที่ควรทราบในการให้อาหารแฮมสเตอร์
1. อย่าให้ผักสด หรือผลไม้สดบ่อยๆหรือมากเกินไป การให้ผักสดควรให้แค่สัปดาห์ละครั้งเพราะอาจจะทำให้แฮมสเตอร์ท้องอืด หรือท้องเสียได้และหากมันกินไม่หมดควรจะเก็บทิ้งทันที
2. พยายามอย่าเปลื่ยนอาหารแบบทันทีทันใด ควรจะค่อยๆ เปลื่ยนอาหารโดยเอาอาหารเก่า ผสมกับอาหารใหม่ และเพิ่มอัตราส่วนอาหารใหม่ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทนที่อาหารเก่าในที่สุด อย่าเปลื่ยนแบบฉับพลัน
3. อาหารที่ควรหลีกเลื่ยงช็อคโกแลต โดยเฉพาะ Dark Chocolate เพราะมีสาร Theobromine ซึ่งเป็นพิษต่อแฮมสเตอร์ได้
4. หลีกเลื่ยงผักผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยวๆ เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด เป็นต้น
5. เราอาจจะเสริมโปรตีนให้กับแฮมสเตอร์ได้ โดยการให้อาหารเม็ดของแมวหรืออาหารสุนัขที่เป็น บิสกิต ใส่ลงไปได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งช่วยเสริมโปรตีนและยังช่วยลับฟันแฮมสเตอร์ไม่ให้ยาวเกินไปอีกด้วย
6. อาหารที่ไม่ปลอดภัยสำหรับแฮมสเตอร์ ได้แก่ หัวหอม มันฝรั่งดิบ กระเทียม น้ำอัดลม ลูกกวาด เป็นต้น
7. หลีกเลี่ยงอาหารที่แหลมคม หรือ เหนียวหนืด
8. ขนมหรืออาหารหวานๆเพราะแฮมสเตอร์แคระมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้
9. หลีกเลี่ยง อาหารเม็ดของกระต่าย เพราะบางชนิดใส่สารอาหารบางอย่างที่ช่วยกระตุ้น การเจริญเติบโตในกระต่าย แต่เป็นอันตรายต่อแฮมสเตอร์
10. หลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเพรา
อาหารเสริมอื่นๆ
ไข่
หนูแฮมสเตอร์ชอบกินไข่ต้มที่ต้มสุก และไข่ต้มยังมีโปรตีนสูงอีกด้วยโดยเฉพาะในแม่แฮมสเตอร์ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ไม่ใช่ว่าให้ตลอด นานๆ ให้ทีถ้ากินไม่หมดต้องเก็บออกให้หมด
น้ำมันตับปลา
น้ำมันตับปลาจะอุดมไปด้วยวิตามิน A และ D ใช้โดยการหยดเพียงไม่กี่หยดลงบนเมล็ดพืชก็ได้สามารถให้ได้เพียงสัปดาห์ละครั้ง อาจจะให้อาหารเม็ด สำหรับสุนัขที่มีส่วนผสมของน้ำมันตับปลาก็ได้
เนื้อ
เรื่องการให้เนื้อเป็นอาหารแก่แฮมสเตอร์นั้น เป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงทั้งหลายต่อต้านกันมานาน เพราะเชื่อว่า อาหารประเภทเนื้อจะกระตุ้น ให้แฮมสเตอร์ดุร้าย แต่ก็มีรายงานจากผู้เลี้ยงหลายๆ คนซึ่งให้เนื้อเป็นอาหารเป็นประจำว่าไม่มีการก้าวร้าวผิดปรกติแต่อย่างใด โกยอาจจะให้เป็น เนื้อวัวชิ้นเล็กๆ หรืออาจจะให้อาหารสุนัขที่บรรจุกระป๋องก็ได้นมอาจจะให้ได้บ้าง โดยเฉพาะแม่หนูที่กำลังท้อง หรือ อาจจะให้เป็นนมอัดเม็ดก็ได้อาหารนกผสมสามารถจะให้อาหารเม็ด เช่น เมล็ดพืชสำหรับนกก็ได้โดยให้สัปดาห์ละครั้ง
การผสมพันธ์แฮมสเตอร์
เป็นสัตว์ที่มีอายุขัยสั้น มันจึงต้องแพร่พันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ อย่าผสมข้ามพันธุ์แฮมสเตอร์หากท่านยังไม่พร้อม สำหรับชีวิตน้อน ๆ อีกหลาย ๆ ชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมา ท่านมีกรงให้พร้อมหรือไม่ท่านมีเวลาเพียงพอสำหรับมันหรือไม่โปรดศึกษาแฮมสเตอร์ให้เข้าใจก่อนผสมพันธุ์ เพื่ิอให้ลูกที่เกิดออกมาแข็งแรงและไม่มีข้อบกพร่องทางพันธุ์กรรมSYRAINSyrain เป็นแฮมสเตอร์ที่รักสันโดษ หากเราปล่อยให้ Syrainหลาย ๆ ตัวอยู่ด้วยกันมันมักจะกัดกัน ดังนั้นการจับคู่ Syrain เพื่อการผสมพันธุ์นั้น เราจำเป็นต้องระวังมาก ๆSyrain เพศเมีจะเป็นฮีทในทุกๆ 4 วัน ในการผสมพันธุ์ต้องเตรียมรังไว้ให้ก่อนโดยการใส่วัสดุปูพื้นใหม่ลงไป และหลังจากนั้นใส่วัสดุตัวผู้ลงไปก่อนและปล่อยให้ตัวผู้เดินไปมาและสร้างกลิ่นก่อนสัพักหลังจากนั้นจึงค่อยใส่ตัวเมียลงไป หากตัวเมียต่อต้าน ไม่ยอมรับการผสมพันธุ์โดยการจู่โจมหรือการเข้าทำร้ายตัวผู้ ให้รีบแยกตัวตัวเมียออกก่อนที่จะมีตัวใดได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้หากแฮมสเตอร์ตัวเมียไม่ได้เป็นฮีท มันก็อาจจะไม่ยอมรับการผสมจากตัวผู้และอาจจะทำร้ายตัวผู้ได้หลังจากนั้นอีก 2-3 วันให้ทดลองใหม่อีกครั้ง หากแฮมสเตอร์ตัวเมียเมื่อปล่อยลงไปแล้วยืนอยู่นิ่ง ๆ และเหยียดขาตรง ยกหางชี้ขึ้นแสดงว่าตัวเมียยอมรับการผสมพันธุ์ หลังจากนั้นปล่อยให้แฮมสเตอร์ผสมพันธุ์กันประมาณ 20 นาทีและแยกแฮมสเตอร์ออกจากกัน เพราะหากปล่อยตัวผู้ไว้กับตัวเมียนานเกินไป ตัวเมียอาจจะตัดสินใจกำจัด หรือทำร้ายตัวผู้ได้ หลังจากนั้น 16-18 วันหากผสมติด เราจะได้ลูกแฮมสเตอร์สีชมพูอยู่ในกรง
การเลือกซื้อหนูควรเลือกซื้อแฮมสเตอร์
ในช่วงเวลาเย็น ๆ เพราะแฮมสเตอร์จะนอนในเวลากลางวันจะงัวเงีย ทำให้ดูยาก เวลาป่วยหรือไม แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาตอนเย็น มันจะคึกคักทำให้ดราเลือกได้ง่ายกว่า และเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้นระหว่างตัวที่ซึม เพราะป่วยและตัวที่ไม่ป่วยเลี้ยงหลายตัวได้หรือไม่ อาจจะเลี้ยงแฮมสเตอร์มากกว่า 1 ตัวในกรงเดียวกันได้ แต่ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของแฮมสเตอร์ด้วยถ้าเป็นแฮสเตอร์แคระแล้วหล่ะก็ มันเป็นสัตว์สังคมพอสมควรสามารถจะเลี้ยงด้วยกันได้หากเลี้ยงไว้ด้วยกันตั้งแต่เล็ก มักไม่ค่อยมีปัญหาทะเลาะกันแต่ไม่ควรเลี้ยงแฮมสเตอร์ต่างสายพันธุ์ไว้ด้วยกัน เพราะนิสัยจะแตต่างกันจะทำให้มัเครียดและอาจจะกัดกันจนตายได้ หรือเกิดปัญหาจาการผสมข้ามพันธุ์อย่าใส่ถุงกระดาษกลับบ้าน ถ้าต้องการเดินทางนาน ๆ เวลาที่เราซื้อแล้ว ร้านขายสัตว์เลี้ยงอาจะเอาแฮมสเตอร์ใส่กล่องหรือถุงกระดาษนำกลับบ้่าน แต่ถ้าเราต้องใช้เวลาเดินทางนานแฮมสเตอร์อาจจะแทะทะลุถุงกระดาษออกมาและหลบหนีได้ เราจะขอให้ผู้ขายเปลื่ยนจากถุงกระดาษมาใส่ภาชนะพลาสติกแทนควรจะเลือกแฮมสเตอร์ที่สุขภาพดี แฮมสเตอร์ควรจะสะอาด ขนสะอาด ไม่มีอุจจาระเปื้อนหรือเหม็นผิดปรกติ และไม่ผอมผิดปรกติไม่ซึมไม่มีบาทแผลทั้งตัวและนิ้วเท้าหูต้องสะอาดท้งด้านในและด้านหน้า ตาต้องสดใสและสะอาดควรจะเลือกแฮมสเตอร์ที่อายุระหว่าง 4-7 สัปดาห์ เพราะเชื่องง่ายถ้าเราเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ๆ เพศไหนก็ได้ นิสัยไม่แตกต่างกันมาก

กระต่าย RABBIT ข้อสงสัย ?


1. กระต่ายกินน้ำตายจริงหรือไม่ ?
ปกติแล้วกระต่ายเป็นสัตว์ที่มีความต้องการน้ำเช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื้น ๆ ถ้ากระต่ายได้รับ น้ำน้อย จะทำให้เติบโตช้า แต่การที่คนส่วนใหญ่เห็นว่ากระต่ายที่เลี้ยงกันนั้นไม่ได์ไห้น้ำเลยให้แต่ผัก หญ้า ก็ยังเห็นกระต่ายปกติดี เนื่องจากว่าในผักและหญ้านั้นมีน้ำมากเพียงพอที่จะทำให้กระต่าย มีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าให้น้ำเพิ่มด้วยจะทำให้กระต่ายเติบโตเร็วยิ่งขึ้น การที่กระต่ายกินน้ำแล้วตาย อาจเนื่องมางากภาธนะที่ใส่น้ำเป็นชามที่กระต่ายสามารถทำล้มได้ง่ายทำให้น้ำหกเจิ่งนองพื้น ซึ่งจะทำให้กระต่ายเป็นหวัดหรือปอดบวม และมีโรคอื่น ๆ แทรกช้อนจนทำให้ตายได้
2. จับท้องกระต่ายจะทำให้กระต่ายตายจริงหรือไม่ ?
การจับกระต่ายที่ถูกวิธีและทำด้วยความนุ่มนวลโอกาสที่กระต่ายจะตายนั้นมีน้อยมาก แต่สัญชาติญาณของกระต่ายเมื่อโดนจับบริเวณท้องมันก็จะดิ้น คนที่จับไม่เป็นหรือไม่รู์โดยเฉพาะ เด็ก ๆ เมื้อเห็นมันดิ้นก็จะยิ่งจับหรือบีบให้แน่นยิ่งขื้นเพราะกลัวว่ากระต่ายจะหลุดจากมือ ทำให้อวัยวะภายใน ด้รับอันตรายจนกระทั่งกระต่ายช๊อคตายได้
3. ทำใมกระต่ายสีขาวจะมีตาสีแดง?
การที่กระต่ายจะมีตาสีอะไรขี้นกับเม็ดสี(Pigment) ที่อยู่ในตา แต่ในกระต่ายสีขาวเช่น พันธุ์นิวซีแลนด์ไวท์หรือแคลลิฟอร์เนียน ไม่มีเม็ดสี ทำให้เห็นเส้นเลือดสีแดงในตาซึ่งจะ สะท้อนแสงให้เราเห็นตากระต่ายเป็นสีแดง ส่วนในกระต่ายพันธุ์พื้นเมืองนั้นมีตาสีดำ เุนื่องจากมันมีเม็ดสีเุป็นสีดำในตานั่นเอง
4. กระต่ายเป็นสัตว์ทื่จัดอยูในกลุ่มสัตว์ฟันแทะเช่นเดียวกับหนูใช่หรือไม่ ?
แต่ก่อนนักสัตววิทยาได้จัดให้กระต่ายอยู่ในกลุ่มสัตว์ฟันแทะเช่นเดียวกับหนู ต่อมาได้พบว่ากระต่ายกับหนูนั้นมีข้อแตกต่างกันที่กระต่ายมีฟันตัดหน้าบน 4 ชี่ ส่วนหนู มีเพียง 2 ชี่ ทำให้มีการจัดกลุ่มใหม่ โดยให้กระต่ายอยู่ในอันดับกระต่าย (Order Lagomorpha) และหนูจัดอยู่ในอันดับสัตว์ฟันแทะ (Order Rodentia)
5. ทำไมช่วงที่อากาศร้อนจัด ๆ กระต่ายถืงปช็อคตาย ?
เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่มีต่อมเหงื่อ ทำให้การระบายความร้อนเป็นไปได้ยาก ในช่วงที่อากาศร้อน ๆ กระต่ายจะหายใจถี่ขึ้น โดยสังเกตุที่จมูกจะ สั่นเร็วขึ้น และมีการ ระบายความร้อนที่เส้นเลือดแดงใหญ่กลางหูมากขึ้น แต่ก็ยังระบายความร้อนไม่ทันทำให้ อุณหภูมิในร่างกายสูงมากจนถึงขั้นทำให้ช๊อคตายได้

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ส้มโอ


ส้มโอ นับเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก แคลเซียมสูง ผลจะนำมารับปรานกันเมื่อสุกแล้วนำมาปรุงอาหารได้ เช่น ยำส้มโอ เปลือกมีรสขมนิยมนำมาชาอิ่ม ประเทศจีนนิยมนำมาใช้เป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติ และแก้ไอ ใช้ผสมยาหอมรับประทาน


ลักษณะ ส้มโอ เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 8-9 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลใบ มีใบเดี่ยว รูปมนรี ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ปลายใบมนเช่นเดียวกับโคนใบดอก ออกดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อ อยู่ตามง่ามใบ มีสีขาว มีกลีบดอก 4 กลีบผล รูปร่างกลมโต เปลือกหนามีต่อมน้ำมันมาก ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่หรือสุกมีสีเหลือง ขนาดผลยาวประมาณ 9-10 ซ.ม. เนื้อในมีสีเหลืองอ่อนและสีชมพูมีรสหวานอมเปรี้ยว มีเมล็ดฝังอยู่ในเนื้อสีเหลืองอ่อนๆส่วนที่ใช้ ผล เปลือกผล ใบ ดอก เมล็ด ราก

สรรพคุณทางยาสมุนไพร
สรรพคุณทางยา ใน ส้มโอ นั้นมีอยู่มิใช่น้อยเลย ส้มโอนั้นสามารถป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยระบาย บำรุงหัวใจ แก้ไอ และขับเสมหะผลส้มโอ ขับลมในลำไส้ แก้เมาเหล้า เปลือกผลของส้มโอจะช่วยขับเสมหะ จุกแน่นหน้าอก แก้ไส้เลื่อนใบส้มโอ นำมาต้มพอกศีรษะแก้ปวดหัว นอกจากนั้นยังเป็นยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้ออีกด้วยดอกส้มโอ แก้อาการปวดกระบังลม และปวดในกระเพาะอาหารเมล็ดส้มโอ ก็มีประโยชน์อยู่มากเช่นกัน แก้ไส้เลื่อน ลำไส้หดตัว แก้หวัด แก้ไอ แก้ปวดท้องน้อยและกระเพาะอาหารได้อย่างมหัศจรรย์

คุณค่าทางอาหาร
ส้มโอ นั้นนอกจากจะเป็นยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณอยู่มากแล้ว ยังนำมาประกอบอาหารจานเด็ดมากด้วยคุณค่าได้อีกเช่นกันส้มโอ นำมาผสมกับน้ำเชื่อม ทำลอยแก้วส้มโอ นำมาคั้นทำน้ำผลไม้ดื่มแก้กระหายส้มโอ นำมาทำเป็นอาหารหรือกับแกล้มรสเด็ด อย่างเช่น ยำส้มโอส้มโอ มีวิตามินและแร่ธาตุช่วยบำรุงร่างกายให้แข้งแรง อาทิ โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, แคลเซียม ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกและฟัน, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินบี 1 ช่วยในการย่อยอาหาร เสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ, วิตามินบี 2 ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด และวิตามินซีที่มีมากจะช่วยในการป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และป้องกันโรคหวัดได้ดี

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ผักโขม


ผักโขม หรือผักโหม หรือผักขม เรียกกันหลายชื่อ และก็มีหลายพันธุ์ที่นิยมกินก็มี ผักโขมจีน ผักโขมหนาม และผักโขมสวนถือเป็นพืชล้มลุกที่ขึ้นได้เองตามธรรมชาติ มีมากในฤดูฝนผักโขมเป็นผักสุขภาพชั้นยอด ในใบผักโขมเป็นแหล่งวิตามินเอ วิตามินซี กรดแอมิโน และสารอาหารอื่น ๆ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัสสูงนอกจากนั้น ในผักโขมยังมี เบต้าแคโรทีนสูง มีสารซาโปนินที่ช่วยลดคอลเลสเทอรอลในเลือดอีกด้วยผักโขมยังมีเส้นใยอาหารมาก จึงช่วยระบบขับถ่าย และลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้นอกจากนี้จากการวิจัยยังพบว่า เมล็ดผักโขมที่ชาวตะวันตกชอบรับประทานนั้น มีคุณค่าโปรตีนและแคลเซี่ยมที่สูงกว่าน้ำนม อีกทั้งให้กรดแอมิโนชื่อไลซีนมากกว่าที่ได้จากข้าว หรือข้าวสาลีอีกผักโขมเป็นสมุนไพรไทยที่ใช้ได้ตั้งแต่ ใบสด ใช้คั้นน้ำทาแก้คันแก้พิษแมงป่องและรักษาแผลพุพองได้ ส่วนของต้น มีสรรพคุณแก้อาการแน่นหน้าอก และไอหอบ รากช่วยขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ใช้ต้มอาบแก้คัน และใช้เป็นยาถอนพิษไข้

แครอท



สารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์ของมะเร็ง ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งในปอดได้ ซึ่งคนที่กินผักที่มีเบต้าแคโรทีนน้อยที่สุด จะเสี่ยงต่อมะเร็งในปอดมากเป็นเจ็ดเท่าของคนที่กินมากที่สุด นอกจากนั้นแล้วก็ยังช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดี
และยังมีแคลเซียมเพคเตทที่ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ลดการเกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจล้มเหลว นอกจากนั้นในแครอทยังมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงและลดการเสื่อมของตา มีสารต่างๆ ที่เป็นทั้งเกลือแร่และวิตามินอีกมากมาย เช่นธาตุแคลเซียม มีฟอสฟอรัส เหล็ก มีวิตามินเอ บี1 บี2 และวิตามินซี อีกทั้งยังช่วยบำรุงเซลล์ผิวหนังและเส้นผมให้มีสุขภาพดีอีกด้วย

หัวไชเท้า


หัวไชเท้า
แม้ว่าเกิด แก่ เจ็บ ตายจะเป็นกฎของธรรมชาติ แต่เมื่อนึกถึงรอยย่นบนหน้าผากและตีนกาที่ฟ้องอายุของตัวเอง ความรู้สึกในใจก็ยากที่จะยอมรับเช่นกัน บางคนถึงกับต้องตระเวนไปหาร้านถ่ายรูปที่มีฝีมือแต่งหน้าแต่งผม แต่งตัวให้ดูดี ถึงขนาดถ่ายรูปออกมาแล้วคนในบ้านตัวเองก็จำไม่ได้ว่าเป็นรูปใคร ๆ ทุกปีอยู่แล้ว
แต่รูปถ่ายที่ลงทุนไปมากโขนี้มีประโยชน์ตรงที่เอาไว้ส่องแทนกระจกเท่านั้น เพราะอะไรที่เคยตึงก็เริ่มจะเหี่ยว ที่มีเงินหน่อยก็สามารถพบศัลยแพทย์ตัดโน่นดึงนี่เพื่อให้ดูตึงเหมือนเดิม ยิ่งมีข่าวประโคมถึงสมุนไพรตัวโน้นตัวนี้ช่วยให้ดูสวยดูดีก็ฮือฮากันไม่เลิก
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีนักวิชาการออกมาสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เกี่ยวกับกวาวเครือว่าสามารถทำให้อวัยวะบางอย่างอึ๋มขึ้น สาวน้อยสาวใหญ่ก็ให้ความสนใจกันไม่น้อยแม้แต่สาววัยทองทั้งหลายก็พยายามเสาะหามากิน ทั้งที่เลยวัยให้ลูกดูดนมไปแล้ว หารู้ไม่ว่าหัวกวาวเครือเอง มีข้อจำกัดในการกินมากมาย แถมยังมีหลากหลายสายพันธุ์
ปัจจุบันกวาวเครือไม่มีการปลูก ต้องเอามาจากป่าเท่านั้น อย่างไรก็ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในขณะนี้ได้ ประชาชนก็อาจจะได้กวาวเครือปลอมปน เผลอๆ ปนยาแผนปัจจุบัน อันตรายจะตายไป อย่าเสี่ยงดีกว่า
ที่จริงแล้วความแก่หรือไม่แก่มันอยู่ที่ใจ ถ้าจิตใจแจ่มใสกี่ปีผ่านไปก็ดูไม่แก่ จิตใจจะแจ่มใสได้ นอกจากจะทำใจให้เบิกบานแล้วร่างกายต้องแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าด้วย คงจะยากถ้าร่างกายเจ็บออดๆ แอดๆ สามวันดี สี่วันไข้แล้ว จิตใจจะยังสดใสอยู่ การออกกำลังกาย การกินอาหารที่ถูกต้องจึงมีส่วนเสริมสุขภาพกายและจิตเป็นอย่างมาก
เมนูอาหารของคนวัยทองมีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่หาได้ง่ายกว่ากวาวเครือมากนักคือ ไชเท้า ซึ่งเป็นผักที่สามารถซื้อหาได้ด้วยตัวเองไม่ต้องถูกใครต้ม
ไชเท้า มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Raphanus sativus Linn. อยู่ในวงศ์ Crutiferae เป็นสมุนไพรที่มีอยู่ในตำรายาจีน (หรือแม้แต่ของฝรั่งก็ใช้สมุนไพรตระกูลเดียวกันในสรรพคุณเช่นนี้สมุนไพรที่ว่าคือ Horseradish) โดยแนะนำให้คนวัยทองนำหัวไชเท้าดิบมาหั่นซอยเป็นเส้นฝอยกินวันละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หรือมื้อละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง (ถ้ารู้สึกมีกลิ่นฉุนอาจรับประทานร่วมกับน้ำผึ้ง)
โดยเชื่อว่าจะทำให้ผิวพรรณสดใสมีน้ำมีนวล ดูเปล่งปลั่งเหมือนคนหนุ่มสาว ทั้งยังเชื่อว่าหัวไชเท้าช่วยกำจัดพิษ สามารถช่วยให้ปัสสาวะใส ไม่ขุ่น ช่วยชำระล้างผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยย่อย และช่วยทำให้หายใจโล่งขึ้น
หัวไชเท้าหรือผักกาดหัวมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน (เจ้าถิ่นที่ยังยืนหยัดเป็นหลักให้กับ เอเซียทั้งทางด้านการแพทย์ตะวันออกและค่าเงินหยวน) แต่ตอนหลังหัวไชเท้าก็แพร่หลายไปทั่วตามการอพยพย้ายถิ่นของคนจีน นิยมรับประทานเป็นอาหาร ใช้ทำเป็นแกงจืด แกงส้ม ต้มจับฉ่าย หรือเอามาดองเค็ม ตากแห้ง ทำเป็นหัวไชโป๊ แล้วนำมาปรุงเป็นอาหารกินกับข้าวต้มกุ๊ยได้อีกหลายๆ ตำรับ
ที่สำคัญคือเจ้าหัวไชเท้านี่มีสารโปรวิตามินเอ ที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเออยู่สูงมาก หัวไชเท้าจึงเป็นแหล่งวิตามินเอที่หาง่ายและราคาถูก
หัวไชเท้าเป็นอาหารที่ดีมาก ตำราจีนกล่าวว่าไชเท้ามีสรรพคุณในการกระจายสิ่งหมักหมมในร่างกาย ละลายเสมหะ แก้พิษ ลดความดัน ขยายหลอดลมและหลอดเลือด จึงควรเป็นอาหารที่อยู่ในเมนูของคนที่ป่วยเป็นโรคหวัด ไอเสียงแหบแห้ง ท้องขึ้นเนื่องจากอาหารไม่ย่อย คออักเสบเรื้อรัง
ตำรับยามีดังนี้ นำหัวไชเท้าสดมาคั้นน้ำแล้วเติมน้ำขิง เติมน้ำตาลทรายขาวพอหวาน ต้มให้เดือดแล้วจิบบ่อยๆ หรือนำหัวไชเท้ามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มน้ำดื่มแก้กระหาย รวมทั้งสามารถนำหัวไชเท้าสดมาตำให้แหลก คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำตาลทรายพอหวานรับประทาน
หรือนำไชเท้าหนึ่งหัวมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ไว้ในขวดแก้ว โรยน้ำตาล 2-3 ช้อนโต๊ะ ปิดฝาทิ้งไว้หนึ่งคืน รินน้ำรับประทานเป็นประจำ เหมาะกับคนที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไอมีเสมหะ ไอหอบ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มะระ



ก็อย่างที่โบราณเค้าว่ากันว่า หวานเป็นลมขมเป็นยา สิ่งที่น่าคิดก็คือ ทำไมของที่มีประโยชน์ส่วนใหญ่มักจะมีรสชาติที่ไม่น่ารับประทาน ไม่อร่อยลิ้นเอาเสียเลย ก็อย่างเช่นเจ้ามะระนี่หล่ะค่ะ ที่มีรสชาติขมซะจนไม่อยากจะรับประทาน ภายใต้หน้าตาที่อัปลักษณ์ของมัน ถึงเวลาแล้วที่เราจะหันมาปฏิวัติการกินเสียใหม่นะคะ ชาวเอเชียรู้จักกันดีถึงสรรพคุณของมะระ แต่ชาวฝั่งตะวันตกกลับกลัวที่จะกินมัน ทั้งที่ยังไม่รู้ประโยชน์ที่แสนจะอัศจรรย์ของมันแม้แต่น้อย เรามาดูประโยชน์ของมะระกันเลยดีกว่านะคะ อย่างแรกเลย คือ ความขมของมะระนั้นสามารถช่วยให้เราเจริญอาหาร เพราะสารขมที่อยู่ในมะระนั้นจะช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อย ออกมามากจึงทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น ซึ่งเราอาจจะนำมะระไปลวก หรือเผาไฟจิ้ม แล้วนำมาจิ้มกับน้ำพริกก็ได้นะคะ
ต่อมา..ก็คือ คุณสมบัติในการการบำบัดและรักษาโรคเบาหวานระยะเริ่มต้นด้วยสารอาหารในมะระ ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มเบต้าเซลล์ในตับอ่อน โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอินซูลิน (ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) อีกทั้งมะระยังมีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต สารอาหารจะผสมอยู่ในรูปของโปรตีน ซึ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคตับและโรคเบาหวานได้ มะระยังสามารถแก้โรคตับอักเสบ ปวดหัวเข่า ม้ามอักเสบได้ค่ะ โดยรับประทานมะระดิบเป็นประจำจะช่วยได้ค่ะ
นอกจากนี้มะระยังมีคุณค่าทางอาหารมากมาย เพราะอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี วิตามินบี1 - บี3, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, ธาตุเหล็ก, โพแทสเซียม, เป็นต้น
เมนูอาหารจากมะระ ได้แก่ ต้มจืดมะระยัดไส้, มะระต้มจับฉ่าย, ผัดะมะระหมูสับ, มะระผัดกุ้ง, มะระผัดน้ำมันหอย เป็นต้น หากจะลดความขมของมะระต้องลวกหรือต้มนานๆ โดยคลุกเคล้ากับเกลือก่อนที่จะนำไปปรุง หรือต้มน้ำแล้วเทน้ำทิ้ง 1 ครั้ง ก่อนนำมารับประทาน จะช่วยให้กินมะระได้อย่างสบายใจ
แถมท้ายอีกนิดนะค่ะ ด้วยข้อควรระวัง เราทานมะระที่ดิบๆ กันได้ แต่ห้ามรับประทานมะระที่มีผลสุกนะค่ะ เพราะอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียนได้ค่ะ เนื่องจากมีสารซาโปนินอยู่มากซึ่งสารนี้จะทำให้เป็นพิษต่อร่างกายค่ะ อีกอย่าง อย่าทานมะระมากจนเกินไปนะค่ะ เพราะจะทำให้ท้องเสีย เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบาย

ฟัก


ลักษณะทั่วไปของฟัก
ฟัก เป็นผักที่กินง่าย แสนอร่อย ละมุนลิ้นสำหรับเด็ก จึงอาจใช้เป็นผักสำหรับมือใหม่หัดรับประทาน
เด็กส่วนมากหรือแม้แต่ผู้ใหญ่มักไม่ปฏิเสธฟัก จะต้มจืด จะตุ๋นกับไก่ใส่เห็ดหอมก็โอชา คนนิยมเผ็ดจะชอบแกงเผ็ดใส่ฟัก แม้กระทั่งแกงอ่อมแบบอีสานก็นิยมใส่ฟัก
[แก้ไข] คุณค่าทางอาหาร
ฟักทำอาหารได้เรื่อย ไปจนกระทั่งของหวาน ฟักเชื่อมจนขึ้นเกล็ดน้ำตาล หรือที่เราเรียกว่าชิ้นฟัก และมักขายคู่กับพวกขนม จันอับ ถั่วตัด จะกินเป็นชิ้นหรือนำไปผสมกับของหวานอย่างอื่นๆ ก็ยังอร่อยอยู่ดี ในเต้าทึงก็ใส่ฟักเชื่อม ใส่ในน้ำเต้าหู้ก็นิยมกันนักว่าอร่อย
คนเรารู้จักฟักว่าเป็นผักที่มีรสเย็น มีน้ำมากถึง 96 % แต่กลับเก็บความร้อนได้ดีและร้อนนาน จะกินต้มจืดฟักสักครั้งก็ต้องระวังสักหน่อย เพราะน้ำแกงอาจจะเย็นลง แต่ฟักยังอมความร้อนอยู่ต้องใจเย็น ๆ
[แก้ไข] เรื่องเล่าเกี่ยวกับฟัก

การที่ฟักอมความร้อนไว้นานนี่เอง จึงมีเรื่องเล่าว่า ในสมัยก่อนนั้น ถ้าจะมีการล่าจระเข้หรือจัดการกับจระเข้ที่ดุร้าย เขาจะต้มฟักให้ร้อนจัด เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าชาลวันตัวดุ รอให้อ้าปากเมื่อไรก็โยนฟักที่ร้อนจัดนั้นเข้าปากจระเข้ ธรรมดาจระเข้ไม่เคี้ยวอะไรก่อนลงท้องนอกจากงับ ๆ แยกเป็นชิ้น หรือถ้าชิ้นเล็กก็ลงท้องไปเลย ฟักที่ยังร้อนจัดเมื่อลงท้องไปแล้ว ก็จะยังร้อนอยู่อย่างนั้นอีกนาน คิดดูก็เป็นที่ทรมานอยู่เหมือนกัน
คราวนี้มาดูคุณสมบัติเมื่ออยู่ในภาวะปกติ คือ เป็นพืชผลที่มีความเย็นบ้างเป็นอย่างไร แถมภาคเหนือที่เคยใช้ช้างลากไม้มานาน เมื่อช้างถถึงฤดูติดสัด ก็มักเกิดอาการตกมันปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด คราวนี้แม้กระทั่งควาญก็เอาไม่อยู่ ช้างก็ลืมหมดว่าควาญของตัวหน้าตาเป็นอย่างไร ตำราของชาวบ้านก็ต้องให้ช้างกินฟัก แต่ก็มักกินเมื่อเริ่ม ๆ จะสำแดงอาการตกมัน เห็นน้ำมันย้อยลงมาข้างหลังหูเมื่อไรก็เป็นต้องเตรียมฟัก เพราะความเย็นนี่เองที่ทำให้ช้างหนุ่มผู้รุ่มร้อนค่อยหายหน้ามืดตามัวลงได้บ้าง
ความเชื่ออื่นเกี่ยวกับฟักของคนไทยรั้นก็มีอีกหลายอย่างหลายประการ ใครที่เล่นไสยศาสตร์ มีของดีหรือมีรอยสักที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกายในสมัยก่อนนั้นต้องไม่เดินลอดค้างปลูกฟัก เพราะถือว่าพืชผลเหล่านี้เป็นพืชที่ข้างในกลวงหรือที่เรียกว่า “ปลอง” คุณไสยในตัวจะเสื่อม บางคนที่ถือมากๆ ก็ถึงกับไม่กินฟักเอาเสียเลย หรือบางทีเวลาทำขวัญเด็กเกิดใหม่ หรือขวัญเดือน หากเป็นเด็กชายก็มีฟักวางคู่กับสมุดดินสอมีนัยว่าให้โตขึ้นเป็นคนใจเย็นรู้คิดรู้ไตร่ตรองอย่างมีปัญญา
[แก้ไข] ถิ่นกำเนิดของฟัก
ฟักเป็นไม้เลื้อยที่ลำต้นยาวหลายเมตร มีขนหยาบสีขาวแข็ง ๆ ทั้งเถา มีมือเกาะ ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ เป็นแฉก ๆ มีขนสีขาวทั้งสองด้านของใบ ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ ผลฟักมีลักษณะกลมยาว ตำราว่าฟักมีบ้านเกิดอยู่ที่เกาะชวา ในอินโดนีเซีย ปัจจุบัน ฟักได้แพร่พันธุ์เย็น ๆ ชื่นใจนี้ออกไปทั่วโลก
[แก้ไข] การปลูกและดูแล
เพราะมีเปลือกหนา จึงสามารถเก็บฟักไว้ได้นาน จะกินจึงค่อยเอามาฝาน แต่หากว่าคิดจะปลูกเป็นพืชสวนครัวคงต้องเตรียมเนื้อที่ให้มากพอสักหน่อยเพราะความใหญ่โตของเถาที่เลื้อยพันไปไกลและมีความแข็งแรง หรือบางทีก็ทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน คิดจะปลูกฟัก ต้องเพราะเมล็ด อาจทำค้างไว้ให้เกาะเลื้อย ค้างก็ควรแข็งแรงเช่นกัน ชอบแดดจ้าใสสดและดินร่วนซุย ดูแลง่าย
[แก้ไข] คุณค่าทางอาหาร
ฟักเป็นพืชฝักที่มีคุณค่าทางอาหารไม่มากนัก แต่มีคุณสมบัติในทางสมุนไพร ซึ่งก็มีไม่ใช่น้อย ผักเย็นอย่างนี้ก็หนีไม่พ้นการใช้ความเย็นให้เป็นประโยชน์ รากใช้ต้มเป็นยาลดไข้ แก้กระหายน้ำ และถอนพิษ ใบใช้ตำพอกแก้ฟกช้ำ แก้แมลงกัดต่อย เมล็ดและน้ำมันจากเมล็ด ใช้ขับพยาธิ ลดไข้ เป็นยาระบาย ลดอาการอักเสบ รักษาริดสีดวงทวาร ไตอักเสบ
[แก้ไข] ประโยชน์
ผลเป็นฝักช่วยระบาย ขับปัสสาวะ แก้ธาตุพิการ
กินฟักจึงได้ผลทั้งเป็นผักและสมุนไพร โดยเฉพาะกินเป็นผักหน้าร้อยก็จะยิ่งดี

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ไต้เกี้ยว


ไต้เกี้ยว (อังกฤษ: Da Qiao; จีนตัวเต็ม: 大喬; จีนตัวย่อ: 大乔) เป็นตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก เป็นบุตรีคนโตของเกียวก๊กโล เป็นพี่สาวของเสียวเกี้ยว ทั้งนางไต้เกี้ยวและเสียวเกี้ยวได้รับการกล่าวขวัญในเรื่องความงดงามในดินแดนกังตั๋ง ต่อมาไต้เกี้ยวได้แต่งงานกับซุนเซ็ก

เสียวเกี้ยว


เสียวเกี้ยว (อังกฤษ: Xiao Qiao; จีนตัวเต็ม: 小喬; จีนตัวย่อ: 小乔) เป็นตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก เป็นบุตรีคนรองของเกียวก๊กโล เป็นน้องสาวของไต้เกี้ยว ทั้งนางไต้เกี้ยวและเสียวเกี้ยวได้รับการกล่าวขวัญในเรื่องความงดงามในดินแดนกังตั๋ง ต่อมาเสียวเกี้ยวได้แต่งงานกับจิวยี่

เตียวเสี้ยน






เตียวเสี้ยน (อังกฤษ: Diao chan; จีนตัวเต็ม: 貂蟬; จีนตัวย่อ: 貂蝉)

เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก บุตรบุญธรรมของอ้องอุ้น ฉายานามว่า "จันทร์หลบโฉมสุดา" (จีน: 闭月 พินอิน: bì yuè) ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้"


เตียวเสี้ยน เป็นหญิงรับใช้ที่พ่อแม่ตายแต่ยังเล็ก ได้อ้องอุ้นรับมาชุบเลี้ยง ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่ออายุ 16 ปี ยามที่อ้องอุ้นถอดถอนหายใจด้วยห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองยามดึก แล้วออกมาพบเตียวเสี้ยนนั่งร้องไห้กับเดือนอยู่ อ้องอุ้นถามว่า นังหนู ร้องไห้ด้วยเหตุใด อกหักเพราะความรักล่ะสิ เตียวเสียนตอบว่า มิได้ นางร้องไห้เพราะสงสารอ้องอุ้นที่เหมือนบิดาตนกลุ้มใจ เมื่ออ้องอุ้นได้เห็นโฉมหน้าของเตียวเสี้ยนอย่างชัดเจนแล้วจึงอุทานว่า แผ่นดินมีคนมาช่วยแล้ว อ้องอุ้นวางแผนให้เตียวเสี้ยนใช้มารยาหญิงทำให้ตั๋งโต๊ะและลิโป้แตกคอกันจนฆ่ากันเองในที่สุด โดยจะยกให้แก่ลิโป้ก่อน แล้วจึงยกให้ตั๋งโต๊ะ ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่อ้องอุ้นวางไว้ทุกประการ และหลังจากตอนนี้แล้ว เตียวเสี้ยนก็ไปเป็นภรรยาคนที่สองของลิโป้ แต่การตายของเตียวเสี้ยนก็ไม่ปรากฏแน่ชัด บ้างก็ว่าเตียวเสี้ยนผูกคอตาย , เธอกลายร่างเป็นเมฆขาว , ไปบวชเป็นแม่ชี , หลังจากลิโป้ตายแล้วกวนอูก็ฟันเตียวเสี้ยนคอขาด , กวนอูใช้ง้าวสับเงาร่างของเตียวเสี้ยนใต้แสงจันทร์




ด้วยเหตุนี้ ในปัจจุบันจึงมีการวิเคราะห์ว่า เตียวเสี้ยนแตกต่างจากหญิงงามอีกสามคน เนื่องจากไม่ได้รับการยืนยันว่ามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ อาจเป็นเพียงหญิงรับใช้ของตั๋งโต๊ะที่มีความสัมพันธ์กับลิโป้ ซึ่งเป็นขุนศึกของตั๋งโต๊ะเท่านั้น

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เซียวเล้งนึ่ง



ธิดามังกรน้อย เซียวเหล่งนึ่ง

เซียวเหล่งนึ่ง มีการสะกดเป็นภาษาไทยหลายแบบ บ้างก็ใช้ เซียวเล่งนึ่ง หรือในนิยายของ น.นพรัตน์ สะกดว่า เซียวเล้งนึ่ง ในที่นี้จะขอใช้ เซียวเหล่งนึ่ง เพราะเห็นว่าเป็นแบบที่นิยมกันมากที่สุด ถ้าพูดถึงสาวงามแล้ว ในนิยายกำลังภายในหลากหลายเรื่องราวล้วนมีสตรีสวยงามอยู่มากมาย ตามแต่ผู้ประพันธ์แต่ละคนจะจินตนาการ แต่ถ้าถามถึงสตรีที่งามที่สุดในนิยายกำลังภายใน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อเซี่ยวเหล่งนึ่งติดอยู่ในอันดับต้นๆด้วยเป็นแน่ กำเนิดของเซียวเหล่งนึ่งนั้นไม่ได้ระบุว่า บิดา มารดาเป็นใครมาจากไหน เซียวเหล่งนึ่งถูกทิ้งไว้ นอกตำหนักเต้งเอี้ยง ของสำนักช่วนจินก่า ตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ตำหนักเต้งเอี้ยงเป็นสถานบันพรต ย่อมไม่สะดวกกับการเลี้ยงดูเด็กทารก บังเอิญสาวใช้ของลิ้มเฉียวเอ็งผ่านมาเห็น ด้วยความเวทนาจึงได้รับอุปการะไว้ นำกลับไปเลี้ยงดูที่สุสานโบราญและรับเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาให้ สตรีแซ่เล้งมีนามว่ากระไร บุคคลภายนอกย่อมไม่อาจทราบได้ จึงเรียกขานนางเป็น เซียวเหล่งนึ่ง ซึ่งแปลว่า ธิดามังกรน้อย เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวครั้งแรกให้ผู้อ่านได้ยลโฉม ด้วยฉากในสุสานโบราณ ตอนที่ยายซุนสาวใช้ของนาง นำเอี้ยวก้วยมารักษาอาการพิษจากผึ้งหยก โดยกิมย้งท่านได้บรรยายไว้ว่า นางอยู่ในชุดสีขาวราวแพรเบาบางห่อหุ้มคลุมกาย คล้ายกับเรือนร่างอยู่ท่ามกลางหมอกควัน นอกจากผมเผ้าที่ดำขับ ตลอดทั้งร่างขาวผ่องราวหิมะ วงหน้างามพิลาสล้ำเหนือหญิงใดในโลกหล้า เมื่อเอี้ยก้วยได้เห็นถึงกับรู้สึกว่าสตรีนางนี้สดใสสะคราญ จนไม่อาจจับจ้องมองตรงๆ

ความงามของเซียวเหล่งนึ่ง เซียวเหล่งนึ่งนั้นมีใบหน้าดูสงบเยือกเย็น บริสุทธิ์ดังหิมะ และเย็นชาราวน้ำแข็ง เอี้ยก้วยเองยังเคยครุ่นคิดว่าสตรีนางนี้ สร้างจากแก้วผลึก หรือว่าเป็นมนุษย์หิมะหรืออย่างไร ที่แท้เป็นคนหรือภูตผี หรือว่าเป็นเทพธิดาสวรรค์กันแน่ มิใช่เพียงแต่เฉพาะกับเอี้ยก้วยเท่านั้น ไม่ว่ากับผู้ใดทุกครั้งที่นางปรากฏกาย ล้วนตรึงสายตาผู้คนให้จับจ้อง กิมย้งได้บรรยายถึงความงามของนางไว้ในหลายฉากหลายตอน ดังเช่นเมื่อครั้งที่เซียวเหล่งนึ่งปรากฎตัวที่งานชุมนุมชาวยุทธ ได้หยุดสายตาของเหล่าชาวยุทธที่มาร่วมงานให้จับจ้องไปที่นาง กิมย้งได้บรรยายในตอนนี้ว่า

ชนชาวโลกมักใช้คำ งดงามปานเทพธิดา เปรียบเปรยความงามของอิสตรี แต่ที่แท้เทพธิดางามสะคราญปานใด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ทราบ แต่พอได้เห็นเซียวเหล่งนึง ในใจผู้คนล้วนประหวัดนึกถึงคำงดงามปานเทพธิดา ซึ่งมีผิวขาวผ่อง รอบกายคล้ายปกคลุมด้วยหมอกบางเบา คล้ายจริงคล้ายมายา หาใช่คนในโลกีย์วิสัยไม่

บุคลิกลักษณะนิสัยของเซียวเหล่งนึ่ง นอกจากความงามที่เหนือจากมนุษย์ทัวไปแล้ว นางยังมีบุคลิกที่โดดเด่นแปลกพิศดาร เนื่องด้วยนางเติบโตมาในสุสานโบราณ จากการเลี้ยงดูของอาจารย์และยายซุน ผ่านชีวิตราวกับน้ำนิ่งไม่กระเพื่อม ไม่เคยได้ออกมาสู่โลกภายนอก จึงไม่รู้จักขนบธรรมเนียมใดๆ ประกอบกับอาจารย์ให้นางฝึกวิชากำลังภายในตั้งแต่เล็ก สั่งนางขจัดซึ่งอารมณ์ยินดี เดือดดาล โศกเศร้า สุขสันต์ หากเห็นนางหัวเราะหรือร้องให้จะลงโทษ ดังนั้นจึงเพาะสร้างเป็นนิสัยสันโดษเย็นชา ความรู้สึกต่างๆบังเกิดขึ้นในจิตใจก็ผ่านเลยไป ล้วนไม่ผ่านการแสดงออกทางสีหน้า แต่ภายหลัง หลังจากเอี้ยก้วยเข้ามา ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป นางเริ่มมีจิตใจที่พลุกพล่านในบางครั้ง นิสัยที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึกก็ถูกบั่นทอนลง

เซียวเหล่งนึ่งเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก แต่ก็มิใช่คนโง่ บุคลิกที่โดเด่นอีกอย่างของนางคือความใจเย็น มีสมาธิที่แน่วแน่ ทั้งดูสง่าน่าเลื่อมใสและดูน่าทะนุถนอมในเวลาเดียวกัน บุคลิกที่สง่างามของเธอนั้นติดตัวเธออยู่ตลอดเวลา ทั้งเวลาพูดจา เวลาต่อสู้ หรือแม้กระทั่งเวลานอนก็ยังคงดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยนางจะนอนบนเส้นเชือก ซึ่งเริ่มนอนแบบนี้ตั้งแต่เอี้ยก้วยเข้ามาในสุสานโบราณ นางยกเตียงหยกเย็นให้เอี้ยก้วย ตัวเองเลยใช้เส้นเชือกแทนเตียง และก็นอนแบบนี้เรื่อยมา

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มอเตอร์ไซค์ ในฝัน
















Nissan 350Z 2009




BMW 750 Li 2009















ขนมไทย หลาย ความหมาย

ขนมจ่ามงกุฎ การยกย่องกันที่สุดเห็นจะได้แก่การมอบขนมจ่ามงกุฎให้เนื่องจากคำว่า "จ่า" แปลว่าหัวหน้า ส่วนคำว่า "มงกุฎ" สื่อถึงพระราชาหรือผู้เป็นใหญ่ ดังนั้น จ่ามงกุฎจึงหมายถึงหัวหน้าผู้เป็นใหญ่ ดังนั้นจ่ามงกุฎจึงหมายถึงหัวหน้าผู้เป็นใหญ่ ความหมายสูงส่งอย่างนี้ เมื่อบวกกับการทำที่แสนยาก อีกทั้งยังต้องใช้ศิลปะในการทำค่อนข้างสูง จ่ามงกุฎจึงถูกมอบให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงจริง ๆ เท่านั้น

ขนมชั้น หมายถึง ความเจริญเป็นชั้นที่สูงขึ้น ๆ

ขนมถ้วยฟู หมายถึง ความเจริญฟูเฟื่อง

ขนมทองเอก หมายถึง ชีวิตที่เป็นหนึ่งตลอดกาล

ขนมทองพลุ หมายถึง ความเจริญ มีชื่อเสียงโด่งดัง เหมือนพลุ

ขนมลูกชุบ หมายถึง ความน่ารักน่าเอ็นดู ซึ่งมักจะเป็นผู้ใหญ่ให้ผู้น้อย

ขนมมะพร้าวแก้วหรือข้าวเหนียวแก้ว ที่สื่อถึงแก้วอันประเสริฐ

ขนมเสน่ห์จันทร์ ที่หมายถึงความมีเสน่ห์ดุจดั่งดวงจันทร์วันเพ็ญ

ขนมตาล ที่หมายถึงชีวิตที่หวานราบรื่น

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เหล็ก ๆ

เราสามารถแบ่งเหล็กออกเป็นกลุ่มกว้างๆได้ 2 กลุ่ม โดยพิจารณาจากปริมาณของธาตุคาร์บอนที่มีอยู่ในเหล็ก โดยแบ่งออกได้เป็น


1. เหล็กหล่อ คือเหล็กที่มีปริมาณธาตุคาร์บอนมากกว่า 1.7% หรือ 2% ซึ่งเหล็กชนิดนี้จะขึ้นรูปได้ด้วยวิธีหล่อเท่านั้นเพราะปริมาณคาร์บอนที่สูงทำให้โครงสร้างมีคุณสมบัติที่แข็งแต่เปราะจึงไม่สามารถขึ้นรูปด้วยวิธีการรีดหรือวิธีทางกลอื่นๆได้ เรายังสามารถแบ่งย่อยเหล็กหล่อออกได้อีกหลายประเภท โดยพิจารณาจากโครงสร้างทางจุลภาค กรรมวิธีทางความร้อน ชนิดและปริมาณของธาตุผสม ได้แก่

1.1 เหล็กหล่อเทา (grey cast iron) เป็นเหล็กหล่อที่มีปริมาณคาร์บอนและซิลิคอนสูง ทำให้มีโครงสร้างคาร์บอนอยู่ในรูปของกราฟไฟต์

1.2 เหล็กหล่อขาว (white cast iron) เป็นเหล็กหล่อที่มีปริมาณซิลิคอนต่ำกว่าเหล็กหล่อเทา ทำให้ไม่เกิดโครงสร้างคาร์บอนในรูปกราฟไฟต์ โดยคาร์บอนจะอยู่ในรูปคาร์ไบด์ของเหล็ก (Fe3C) ที่เรียกว่า ซีเมนไตต์ เป็นเหล็กที่มีความแข็งสูงทนการเสียดสี แต่จะเปราะ

1.3 เหล็กหล่อกราฟไฟต์กลมหรือเหล็กหล่อเหนียว (spheroidal graphite cast iron, ductile cast iron) เป็นเหล็กหล่อเทาที่ผสมธาตุแมกนีเซียมและหรือธาตุซีเรียมลงไปในน้ำเหล็ก ทำให้กราฟไฟต์ที่เกิดเป็นกลุ่มและมีรูปร่างกลม ซึ่งส่งผลถึงคุณสมบัติทางกลในทางที่ดีชึ้น

1.4 เหล็กหล่ออบเหนียว (malleable cast iron) เป็นเหล็กหล่อขาวที่นำไปอบในบรรยากาศพิเศษเพื่อทำให้คาร์บอนในโครงสร้างคาร์ไบด์แตกตัวออกมารวมกันเป็นกราฟไฟต์เม็ดกลม และทำให้เหล็กรอบๆที่มีปริมาณคาร์บอนลดลงปรับโครงสร้างกลายเป็นเฟอร์ไรต์และหรือเพิร์ลไลต์ เหล็กชนิดนี้จะมีความเหนียวดีกว่าเหล็กหล่อขาว แต่จะด้อยกว่าเหล็กหล่อกราฟไฟต์กลมเล็กน้อย

1.5 เหล็กหล่อโลหะผสม (alloy cast iron) เป็นเหล็กหล่อที่เติมธาตุผสมอื่นๆลงไปในปริมาณที่ค่อนข้างมาก เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติเฉพาะด้านให้ดียิ่งขึ้น เช่นเติมนิกเกิลและโครเมียมเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้านทนการเสียดสีและทนความร้อน เป็นต้น


2. เหล็กกล้า คือเหล็กที่มีปริมาณธาตุคาร์บอนน้อยกว่า 1.7% หรือ 2% เหล็กชนิดนี้มีความเหนียวมากกว่าเหล็กหล่อทำให้สามารถทำการขึ้นรูปโดยใช้กรรมวิธีทางกลได้ ทำให้เหล็กชนิดนี้ถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวาง จึงพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น เหล็กเส้น เหล็กแผ่น เหล็กโครงรถยนต์ ท่อเหล็กต่างๆ ฯลฯ เหล็กกล้าสามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มต่างๆ ดังนี้

2.1 เหล็กกล้าคาร์บอน (carbon steel) เป็นเหล็กที่มีคาร์บอนเป็นส่วนผสมหลัก โดยอาจมีธาตุอื่นผสมอยู่บ้างแต่ไม่ได้เจาะจงจะผสมลงไป มักติดมาจากกรรมวิธีการถลุงและการผลิต เราสามารถแบ่งย่อยกว้างๆออกได้ 3 ประเภทโดยพิจารณาตามปริมาณของธาตุคาร์บอนที่ผสม คือ

-เหล็กคาร์บอนต่ำ (low carbon steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำกว่า 0.2% เหล็กชนิดนี้มีความแข็งแรงต่ำสามารถรีดหรือตีเป็นแผ่นได้ง่าย ตัวอย่างเหล็กเช่น เหล็กเส้น เหล็กแผ่นที่ใช้กันทั่วไป
-เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง (medium carbon steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนอยู่ระหว่าง 0.2-0.5% เป็นเหล็กที่มีความแข็งแรงสูงกว่าเหล็กคาร์บอนต่ำ ใช้ทำชิ้นส่วนของเครื่องจักรกลทั่วไป เหล็กประเภทนี้สามารถทำการอบชุบความร้อนได้

-เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (high carbon steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่า 0.5% มีความแข็งแรงและความแข็งสูง สามารถทำการอบชุบความร้อนให้คุณสมบัติความแข็งเพิ่มขึ้นได้ ใช้ทำพวกเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆที่ต้องการผิวแข็งและความต้านทานการสึกหรอสูง

2.2 เหล็กกล้าผสม (alloy steel) เป็นเหล็กกล้าคาร์บอนที่มีธาตุอื่นผสมอยู่อย่างเจาะจงเพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ เช่น ความสามารถในการชุบแข็ง (hardenability) ความต้านทานการกัดกร่อน คุณสมบัติการนำไฟฟ้าและคุณสมบัติทางแม่เหล็กเป็นต้น ธาตุผสมที่เติมลงไป เช่น โครเมียม นิกเกิล โมลิบดินัม วาเนเดียม โคบอลต์ แมงกานีสและซิลิคอน โดยแมงกานีสและซิลิคอนจะต้องมีปริมาณมากพอสมควรจึงจะจัดได้ว่าเป็นเหล็กกล้าผสม เพราะในเหล็กกล้าคาร์บอนก็มีปริมาณธาตุทั้งสองผสมอยู่พอสมควร เราสามารถแบ่งย่อยกว้างๆออกได้ 2 ประเภทโดยพิจารณาตามปริมาณของธาตุผสม คือ

-เหล็กกล้าผสมต่ำ (low alloy steel) เป็นเหล็กกล้าผสมที่มีปริมาณธาตุผสมน้อยกว่า 10%

-เหล็กกล้าผสมสูง (high alloy steel) เป็นเหล็กกล้าผสมที่มีปริมาณธาตุผสมสูงกว่า 10%

พิษ โดคุโดคุ

“ ไซยาไนด์ “ ชื่อนี้คงจะคุ้นหูว่าเป็น “ ยาพิษ “ ที่มักใช้กินเพื่อฆ่าตัวตาย ขณะเดียวกันคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาของไซยาไนด์เสียด้วยซ้ำไป
จากข่าวที่มีนักโทษพยายามจะระเบิดเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่นแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกลืนยาพิษ ซึ่งตอนแรกคาดกันว่าเป็นไซยาไนด์ที่มีการซุกซ่อนไว้ หลังจากที่แพทย์ช่วยชีวิตได้ทัน จึงมีการพิสูจน์ปรากฎว่าเป็นเพียงว่านชนิดหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าเป็นไซยาไนด์จริงแม้เพียงเล็กน้อยก็ถึงแก่ชีวิตได้
สารกลุ่ม “ ไซยาไนด์ “ ที่ควรรู้จักมี 2 ตัวคือตัวหนึ่งเป็นของแข็ง เกลือไซยาไนด์ ซึ่งเป็นโซเดียมไซยาไนด์ หรือ โปรแตสเซียม ไซยาไนด์ ส่วนอีกตัวหนึ่งมีสถานะเป็นก๊าซคือ ไฮโดรเจน ไซยาไนด์ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยา เมื่อเอากรด เช่นกรดเกลือ หรือกรดกำมะถัน ผสมกับเกลือไซยาไนด์ ประการสำคัญคือพิษต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็นเกลือไซยาไนด์ หรือก๊าซเป็นอันตรายถึงตายได้เหมือนกัน ก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ จึงถูกใช้ในการประหารนักโทษระหว่างสงคราม หลายคนอาจจะเคยเห็นในหนังสงคราม มีการใช้ก๊าซตัวนี้พ่นรมศัตรูล้มตายเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามถ้าพูดถึงประโยชน์ก็มี เช่น ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตไนล่อน โดยเฉพาะยาฆ่าแมลง ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และมักจะมีการใช้อย่างขาดความระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัย นอกจากนั้นยังใช้เพื่อสังเคราะห์สารเคมีอื่น ๆ ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ขณะที่ในเหมืองทองมีการใช้ไซยาไนด์ในกระบวนการสกัดทอง เป็นต้น
เกลือไซยาไนด์ละลายน้ำได้ดี ส่วนก๊าซนั้นก็ละลายในน้ำได้ดีเช่นกัน ไวต่อปฏิกิริยากับตัวออกซิไดซ์ อาจระเบิดได้เมื่อถูกความร้อนหรือเปลวไฟ สำหรับชื่ออื่นของก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ ที่ใช้เรียกกันก็มี กรดไฮโดรไซยาไนด์ และ กรด ปรัสซิก เป็นต้น ส่วนอาการของพิษเฉียบพลันของไซยาไนด์คือ หายใจติดขัด ชักและหมดสติ อวัยวะที่ถูกกระทบคือระบบประสาทส่วนกลาง ตับ ไต และระบบหัวใจ