อย่างแรกเลย เราจะต้องเตรียมเงินและกระเป๋าสตางค์ให้พร้อมและก็เดินหาร้านก่อน ( จะให้เทวดาเสกให้รึ ก็ไม่ใช่ หาร้านสิจ๊ะ ) ชอบร้านใหนก็เข้าร้านนั้นได้เลยครับ และเมื่อถึงร้านเราก็คงจะไม่รีรอที่จะเอ่ยปาก บอกคนขายว่า จะเอารุ่นอะไร ในที่นี้รุ่นที่ผมนำมาเสนอเป็น N95 นะครับ
Rem....ก่อนจะซื้อขาย ให้เรา ถามเงื่อนใขการรับประกันสินค้า เช่น เสียหรือพัง เปลี่ยนเครื่องภายในไม่เกินกี่วัน หรือ เวลาเสีย ไปเคลมหรือซ่อมที่ใหนอย่างไร ตกลงหรือคุยกันให้รู้เรื่องก่อนครับ จะได้ไม่มีปัญหา
สิ่งที่ควรจะตรวจสอบ และสังเกตุ ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังจ่ายตัง และก่อนที่จะนำโทรศัพท์ออกจากร้าน สิ่งที่ควรจะสังเกตุมีดังต่อไปนี้ โดยให้แบ่งการดูการสังเกตออกเป็น 5 ส่วนหลักๆ นั่นก็คือ 1. ส่วนของกล่องบรรจุ 2. สภาพของตัวเครื่องหรือ HardWare โดยรวม 3. ส่วนของซอฟแวร์ 4. ของที่แถมมาในกล่อง 5. Voild ประกันของบริษัท
เรามาดูส่วนแรกกันเลย นั่นคือกล่อง
1. ส่วนของกล่องบรรจุ
1.สภาพภายนอกของกล่อง มันควรจะอยู่ในสภาพที่เรียบร้อย นั่นก็คือ - กล่องควรจะซีลมาอย่างดี -ไม่บุบๆ บี้ๆ หรือมีรอย ฉีกขาด( ถ้าข้างนอกเละ ข้างในจะไปเหลือเร่อ ) - ( บางบริษัท ) ตรงฝากล่องบรรจุอาจจะมีสติ๊กเกอร์ logo บริษัทแปะอยู่ ไม่ควรมีรอยฉีกขาดเช่นกัน
**ดังรูป กล่องควรจะอยู่ในสภาพที่เรียบร้อย ไม่บุบๆ บี้ๆ หรือฉีกขาด
**ดังรูป กล่องควรจะมีการซีลอย่างเรียบร้อย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.เมื่อแกะกล่องออกมาแล้ว ตัวสินค้า ควรจะอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยสวยงาม - ตัวเครื่อง แบต เมโมรี่ สายชาร์จ และอื่นๆ จะต้อง แยกชิ้นออกจากกัน - พวกสายชาร์จ สมอลทอร์ค สายดาต้า ควรจะอยู่ในสภาพมัดเอาใว้อย่างเรียบร้อย และแพคอยู่ในถุงที่บรรจุ และจัดเรียงอยู่ในกล่องอย่างเรียบร้อย - แบต กับ เมโมรี่การ์ด ก็เช่นกัน จะแยกชิ้นอยู่ในกล่องหรือถุงบรรจุ และวางอยู่ในกล่อง - สมุดคู่มือจะต้องมีครบ ( บางรุ่นจะแถมแผ่นซอฟแวร์มาด้วย ต้องดูให้ดีๆ ) และอยู่ในสภาพที่เรียบร้อย
**ของทุกชิ้นจะต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย อยู่ในกล่องอย่างเป็นระเบียบ ( ตรงข้อนี้ ระวังให้ดีๆ โดนมาเยอะเหมือนกัน บางทีพวก “คนหัวหมอ” เอาเครื่องมือสองมาบิ้ว หรือ บางทีเครื่องที่มีปัญหา มาย้อมขาย แต่คนทำเค้าอาจลืมเอาแบตหรือเมมออก”ไอประเภทเปิดเครื่องมาปุ๊บ ไปดูคลังภาพ รูปถ่ายใครก็ไม่รู้โผล่มาแบบนี้ น่ากลัว” อันนี้เจอได้บ่อย ระวังให้ดีๆ )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. ส่วนของตัวเครื่องหรือ Hard Ware
สิ่งสำคัญ ที่ต้องสังเกตุให้ดี หลักๆ มีดังนี้
1.เริ่มแรก ควรจะหยิบเครื่องออกมาจากกล่อง และสังเกตให้ดีๆ ว่ามีอะไรผิดสังเกตหรือไม่ - จะต้องไม่มีริ้วรอย( ก็แหง ของมือ 1 ) - ดูซ้ายขวาหน้าหลัง และตามจุดต่างๆ ของตัวเครื่องให้ดีๆ ว่า มีอะไรที่แตกหักบ้าง - ถ้าเป็นเครื่องมือ 1 ฟีล์มติดหน้าจอ หรืออื่นๆ ที่แปะมากับจอ จะต้องอยู่นะครับ ดังรูปตัวอย่างที่เห็น ( สติ๊กเกอร์ Nseries สีดำ )
**สังเกตดูโดยรอบว่า มีรอยถลอก หรือหักหรือบิ่นบ้างหรือไม่ ตามตัวเครื่อง และฟีล์มหน้าจอจะต้องไม่มีรอยแกะมาก่อน
** จะด้านใหนๆ ก็ตาม สำรวจให้ดีๆ หละ อย่าให้คลาดสายตา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆ ถึงมากที่สุด นั่นก็คือ การตรวจสอบหมายเลขตัวถังกับเมนบอร์ดว่าตรงกันหรือไม่ โดยให้คุณปฏิบัติดังนี้
ใส่แบตใส่ซิม แล้วลองกดปุ่ม *#06# และมันจะมีเลข EMI ปรากฏขึ้นมา ให้ปิดเครื่อง ถอดแบตออก และให้ปฏิบัติดังนี้
********นำเลขที่เห็นทั้งหมด นำมาเปรียบเทียบกันสามส่วน นั่นก็คือ ข้างกล่อง ใต้เครื่อง และหน้าจอที่ปรากฏ มันจะต้องเป็นเลขเดียวกัน ขอย้ำ เลขเดียวกัน ( ในข้อนี้ หากเลขไม่ตรงกันแม้แต่ 1 ใน 3 หรือ 2 ใน 3 ก็ตาม วางเหอะครับ ไม่ต้องต่อรองราคา ไม่ต้องตกลงซื้อขาย เพราะคุณมาซื้อเครื่องมือ 1 และเครื่องมือ 1 เลข EMI จะต้องตรงกันครับ ไม่ใช่ ตัวถังมาเลขนึง กล่องมาเลขนึง แบบนี้มันไม่ใช่ครับ ใครจะพูดอะไรไม่ต้องสนใจครับ ไม่ต้องซื้อครับ ดูร้านอื่น นั่นแสดงให้เห็นว่า เค้าอาจจะเอาเครื่องเก่าใช้แล้ว หรือเครื่องที่มีปัญหา มาหลอกขายครับ ระวังครับ ) EMI คืออะไร และสำคัญอย่างไร เชิญอ่านในนี้ครับ http://board.siamphone.com/viewtopic.php?t=12848
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. ตรวจสอบว่าเครื่องเราได้ผ่านการใช้งานมาแล้วหรือยัง ให้เรากด *#92702689# ( ตรวจ Life Time ) และดูเลขที่ปรากฏ มันควรจะเป็นเลข 0 หรือพูดง่ายๆ การใช้งาน 0 ชั่วโมง 0 นาที ( ก็เครื่องมือ 1 นิ ) แต่ถ้ามันจะผิดเพี้ยนจากนั้น เช่น 1-5 นาที อันนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร บางทีเครื่องพวกนี้ บริษัทอาจจะเคยเทส หรือไม่ก็ อาจจะเคยเป็นเครื่องโชวในตู้ มาก่อน มันเลยมีเวลาปรากฏ แต่ถ้าอยากสบายใจก็ หาที่เป็น 0 น่าจะดีกว่า ( ชุดคำสั่งนี้ใช้ได้กับโทรศัพท์บางรุ่นนะครับ โดยบางรุ่นจะมีวิธีเช็คที่แตกต่างกันออกไปครับ )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
6. ลองกดปุ่ม ทุกปุ่ม ที่ตัวเครื่อง ไม่ว่าจะปุ่มตัวเลข ปุ่มเข้าเมนู หรือปุ่มอื่นๆ ปุ่มเบาเสียงหรืออื่นๆ ลองให้หมด ดูว่า ใช้ได้ทุกปุ่มหรือไม่ ถ้าปุ่มกดไม่ติดหรือใช้ไม่ได้เปลี่ยนเครื่องเลยครับ ( จะเอาใว้ทำอะไรหละ ปุ่มยังกดไม่ติดเลย )
ลองกดดูมันทุกปุ่มเลย ว่าใช้งานได้หรือไม่
ดูให้ดีๆ นะว่า ไฟตามตัวปุ่มกดต่างๆ ยังคงติดดีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ติด เปลี่ยนเครื่องใหม่เลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
7. ให้คุณลองสังเกตุบนหน้าจอ( กรณีจอสี )ของคุณว่า มีสิ่งแปลกปลอมปรากฏหรือไม่ ดังเช่นในรูป ( ที่วงเอาใว้นั่นคือหน้าตา Death Pixel ) นั่นคือ Death Pixel หรือจุดตายสี คือพูดง่ายๆ จอมีปัญหานั่นเอง มันจะไม่แสดงสีสัน โดยมันจะปรากฏเป็นสีดำ หรือแดง หรือขาวไปเลยก็มี ซึ่งคุณต้องดู และเช็คจากตัวแทนจำหน่ายว่า มันจะให้เปลี่ยนเครื่องกรณีที่จุดดังกล่าวขึ้นกี่จุด( โนเกีย 4 จุดขึ้นไปศูนย์จะยอมให้เปลี่ยน “ถ้าผมจำไม่ผิดนะ” ) ผมคิดว่าหลายๆ คน คงไม่อยากเสียเงินเป็นหมื่นๆ แต่ได้จอเสียๆ มาใช้นะครับ ดูให้ดีๆ ด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. ลองใส่ซิมการ์ดดูว่า ใช้ได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อใส่ซิมการ์ดไปแล้ว มันจะต้องขึ้นชื่อของระบบเครือข่าย และขีดสัญญาณ จะต้องขึ้น ( ในขั้นตอนนี้ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากแนะนำให้เอาซิมไปสัก 2 อัน เช่น Dtac,True ) เพราะผมก็เคยประสบปัญหาเช่น ใส่ ซิม GSM ได้ พอไปใส่ True ใส่ไม่ได้ ผมจึงอยากแนะนำให้ตัดไฟแต่ต้นลมดีกว่าครับ
Rem….กรณีที่ใส่ซิมแล้วขึ้นมาแบบนี้ ดังรูป หรือขึ้น Offline,Insert SIM Card หละก็ ถ้าลองใส่แล้วใส่อีกมันไม่ยอมอ่านซิม อันนี้วาง ดูเครื่องอื่นเลยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ส่วนของซอฟแวร์ระบบ
1. ลองเข้าเมนูลองดูฟังค์ชั่นต่างๆ ลองเล่นๆ อะไรก็ได้ เช่น
-กดฟังเพลง ดูว่าลำโพงดังมั๊ย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ลองๆ ดูครับ
-ในกรณีที่โทรศัพท์มีกล้อง แนะนำว่า ให้เราลองถ่ายภาพดูด้วยนะครับ ว่ามีปัญหามั๊ย กล้องขึ้นฝ้าหรือไม่ หรือว่า ค้างหรือเปล่า อันนี้ลองกดแชะๆ เอาสัก 4-5 รูปพอเป็นพิธีครับ
-หากมีพวกอุปกรณ์เชื่อมต่อเช่น Bluetooth ( ทางที่ดี หากเรามากับเพื่อน แล้วเพื่อนมีโทรศัพท์ที่มี Bluetooth ด้วยยิ่งดี ให้คุณลองส่งไฟล์ ระหว่างเครื่องคุณและเพื่อนดูครับ ) ควรจะทดสอบด้วยครับ เพราะพวกโทรศัพท์รุ่นออฟชั่นเยอะๆ บางครั้งโอกาสซื้อมา เราอาจจะเจอแจ๊คพอต Bluetooth ขาดตั้งแต่ซื้อมาเลยก็มี ( เคยเจอมากับตัวครับ เพื่อนผม ตั้งแต่ซื้อมา บลูทูธ ใช้งานไม่ได้เลย ตั้งแต่วันแรกซื้อ มันก็มองโลกแง่ดีเหลือเกิน พอมารู้ทีหลัง ก็ตอนเครื่องหมดประกันแล้ว อนาถมั๊ย ต้องเสียเงินซ่อมเองอีกตะหาก )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. ลองโทรออก และรับสายดู ( ซื้อโทรศัพท์นี่ ไม่ใช่เครื่องเล่น MP3 ) ลองดู เสียงดังฟังชัดสัญญาณขาดๆ หายๆ มั๊ย ถ้าไม่มีอะไรก็ผ่าน( ง่ายๆ เนอะ ) ในขณะที่เราลองรับสายนั้น ลองดูด้วยว่า ตัวเครื่องสั่นหรือไม่ กระดิ่งริงโทนดังหรือไม่ดัง ถ้าไม่ดังเปลี่ยนเครื่องเลยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. ของที่แถมมาในกล่อง
1.ตรวจสอบดูของแถมภายในกล่องว่า มีครบ และตรงรุ่นหรือไม่ อันนี้ ควรจะดูและตรวจสอบให้ดีๆ และมันก็มีความสำคัญเช่นกัน ที่ผมเคยประสบมา บางรุ่นจะแถมพวกอุปกรณ์พิเศษเช่นพวกหูฟังบลูทูธ หรือแท่นชาร์จแบบสแตนด์ บางครั้ง ของเหล่านี้ ( คนหัวหมอ ) มักจะชอบจับมแยกขาย อันนี้ ต้องช่างใจตัวเราเองครับว่า รับได้หรือไม่ เพราะบางอย่าง ถึงผมเอามาก็ไม่ได้ใช้นะครับ เช่นหูฟังบลูทูธ เนี่ย
สมมุติว่า - เครื่องราคาสัก 20,000บาท - หูฟังบลูทูธราคา 2,500บาท
แต่พ่อค้าเอาหูฟังเราไปแยกขาย แล้ว ขายเครื่องให้เราในราคา 18500บาท
เราลองมาชั่งใจดูครับว่า เอามาก็ไม่ได้ใช้ เค้าหักของออกไป ราคาเครื่องลดลง อันนี้ก็เทียบเอาก็แล้วกันว่า มันโอเคหรือไม่ ถ้าไม่โอเคก็อย่าดีกว่าครับ ไปหาร้านที่มันไม่ชักของอุปกรณ์ครบดีกว่า ถ้าไม่ใช้ค่อยไปแยกขายเองยังจะดีซะกว่า ผมขอแนะนำ
ตัวอย่างที่ผมเอามาเสนอเป็นรุ่น N95 ซึ่งของแถมมากับกล่องจะมีดังต่อไปนี้ ( ดังรูป )
- ตัวเครื่องN 95 ( ก็แหงนะสิ ซื้อ N95 จะให้ใส่สากกระเบือมาในกล่องหรือไง ) - แบตเตอรี่ Li-ion BL- 5F 950 mAh จำนวน 1 ก้อน - ชุดหูฟังแบบ Stereo 1 เส้น (HS-45) - ตัวควบคุม AD-43 - MicroSD Card 1GB - CD-Rom Software PC. Suite 1 แผ่น - สาย USB Cable (DKE-2) - Video out cable (CA-75U) - คู่มือการใช้งาน 1 เล่ม - อุปกรณ์ชาร์จเร็วแบบบาง (AC-5U)
**สมุดคู่มือ และใบรับประกันสินค้า จะต้องมีในกล่องอย่างครบถ้วน ( ที่สำคัญ คู่มือหากเป็นเครื่องศูนย์ไทยแท้ๆ จะต้องเป็นคู่มือภาษาไทยครับ แต่บางยี่ห้อจะให้มาทั้งสองภาษาครับ ต้องดูให้ดีๆ)
ในที่นี้ผมอ้างอิงจาก http://www.mlink.co.th/MobileOne.asp?Productid=02-0000329&Logo=Nokia นะครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. ทดสอบอุปกรณ์เสริมที่แถมมาในกล่อง
9.1 ลองเสียบที่ชาร์จดูๆ ว่ามันชาร์จเข้าหรือไม่ ถ้าชาร์จได้ ก็ ผ่านครับ
9.2 ทดสอบหูฟัง ที่แถมมาดูสิว่า ใช้ได้ใหม ถ้าใช้ได้ผ่าน
9.3 ลองเสียบเมโมรี่การ์ด แล้วลองใช้งานดู โดยที่เราอาจจะลองถ่ายรูป แล้วลองเซฟรูปลงเมโมรี่การ์ดดูครับ ถ้ามันเซฟรูปลงเมมได้ ก็แสดงว่า โอเค เอ้า ผ่าน
9.4 ( กรณีถ้าร้านขายหรือศูนย์มีเครื่องคอม และเรา … พอ อาจจะขอลองก็ได้ ถ้าไม่ติดเกรงใจ แต่เป็นผมๆ ไม่เกรงใจ เพราะผมถือว่า ผมจ่ายเงินแล้ว ผมควรจะได้รับในสิ่งที่ควรจะได้ตามสิทธิของผม ) ถ้ามีสายดาต้าหรือสายโอนข้อมูล เราอาจจะขอลองเสียบกับคอมพิวเตอร์ดูก็ได้ ( แต่ถ้าไม่มี ตอนซื้อเครื่องกลับบ้านนั้น ให้เรา รีบทดสอบเลยครับ เพราะตรงนี้หลายคนคงจะเคยจอ บางครั้งบอร์ดเจ๊งก็มี ทำให้เสียบกับคอมแล้วใช้ไม่ได้ เจอมาเยอะครับ )
Rem…. ในข้อ 2 นี่ มีข้อกำชับว่า หากมีอุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ใช้งานไม่ได้ ในขณะที่เราทดสอบ รีบขอเปลี่ยนเลยครับ จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังครับ ( พอมีปัญหาขึ้นมาก็เที่ยวมาโพสด่าร้านตามหน้าเวปบอร์ด แล้วตอนซื้อไม่ดูให้ดีๆ หละ ) เอาเป็นว่า รักษาสิทธิกันหน่อยก็ดี ตอนเราจ่ายเงิน แทบจะไม่ได้ลดสักบาท ดังนั้น ของเราก็ควรได้ตามนั้นด้วยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
6. Voild ประกันของบริษัท
10. ว่ากันในเรื่องของ Voild ประกันสิ้นค้า ซึ่งปกติแล้ว Voild เหล่านี้ จะแปะบนตัวสินค้า แทบทุกชิ้นในกล่อง เช่น สมอลทอร์ค เมโมรี่ สายดาต้า และอื่นๆ ซึ่งถ้าโดยทั่วไปแล้ว แต่ละบริษัท จะมาไม่เหมือนกัน บางบริษัท จะบอกวันหมดประกัน หรือบางเจ้าจะบอกวันที่เริ่มประกัน
ซึ่ง เจ้า Voild ที่ว่านี้ สมมุติว่า ดังเช่นในรูปเป็น Voild MFA โดยเริ่มนับวันรับประกันที่ 03/07 ก็หมายความว่า เริ่มประกันที่เดือน 3 ปี 07 นั่นเอง ( ในเรื่องของการรับประกัน การอ่าน voild หรืออื่นๆ ผมจะกล่าวในตอนถัดไปครับ ) ซึ่งเจ้า Voild พวกนี้ จะต้องแปะอยู่บนอุปกรณ์ทุกชิ้นในกล่อง และแน่นอน มันจะต้องเป็นเลขวันเริ่มประกันวันเดียวกันนั่นก็คือ 03/07 นั่นเอง ( ถ้ามานอกเหนือจากนี้ระวังให้ดีๆ ) และพยายามดู Voild ที่บอกวันรับประกันที่เป็นปัจจุบันให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
การนับวันรับประกันสินค้าหลังซื้อขายมีหลักเกณดังต่อไปนี้ 1.อ้างอิงจากใบเสร็จซื้อขาย ( สำคัญมากๆ ) 2.อ้างอิงจาก voild ร้าน( พวกร้านขายปลีกขายส่ง บางร้านจะมี voild ร้านอยู่ ) 3.อ้างอิงจาก voild บริษัท
เช่นในกรณีแบบนี้ เค้าจะอ้างอิงการรับประกัน นับจากวันที่ซื้อ โดยอาศัย ใบเสร็จซื้อขาย เป็นตัวยืนยัน และหากเราไม่มีใบเสร็จซื้อขาย เค้าก็จะอ้างอิงจาก voild ร้านค้า และถ้าเครื่องเราไม่มีแปะ voild ร้านค้า เค้าก็จะอ้างอิงจาก voild บริษัท เลยครับ ดังนั้นตอนซื้อที่สำคัญ อย่าลืมขอใบเสร็จมาด้วยนะครับ
ดังจะเห็นได้ว่า voild บนตัวเครื่องระบุมาอย่างไร ไม่สำคัญ มันสำคัญที่ วันที่ในใบเสร็จรับเงินนั่นแหละครับ
Rem…. กรณีที่คุณซื้อเครื่องแล้วพบว่า voild ประกันไม่เหมือนกันเช่น เครื่อง MFA แต่สายดาต้าดันมาเป็น M-link หรืออื่นๆ อันนี้ต้องมาดูกันอีกที ครับ( ไม่ขอกล่าวถึง )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
7. ขั้นตอนสุดท้าย...... จ่ายเงินและก็ขอใบเสร็จ
...........และสิ่งสุดท้ายที่จะขาดไปเสียมิได้ นั่นก็คือ …. ใบเสร็จซื้อขายนั่นเอง ใบเสร็จนั้นสำคัญอย่างไร มาดูกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น