“อาหารเจ” เป็นอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากพืชผักธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีเนื้อสัตว์ปะปน และที่สำคัญต้องไม่ปรุงด้วยผักฉุนทั้ง 5 ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยฉ่าย ใบยาสูบ คนส่วนใหญ่มักทานอาหารเจเพื่อช่วยให้สุขภาพดี มีภูมิต้านทานโรค ร่างกายแข็งแรง แต่ความหมายของการทานเจนั้นมิใช่แค่เพียงไม่กินเนื้อสัตว์ เพื่อรักษาสุขภาพ แต่ยังต้องดำรงตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดีงามบริสุทธิ์สะอาดทั้งกาย วาจา ใจ เช่นนี้แล้วจึงจะเรียกว่าการกินเจที่แท้จริง คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอาหารเจเป็นอาหารที่มีรสจืดชืด ไม่อร่อย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดมาก เพราะจะทำให้ไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารเจที่แท้จริงก็เป็นได้ ในความเป็นจริงแล้วถ้าคนเรารู้จักเลือกวัตถุดิบดีๆ มาประกอบอาหาร เช่น ถั่วเหลือง ฟองเต้าหู้ เห็ดหอม แป้งน้อยๆ สาหร่าย ผัก ผลไม้ต่างๆ และทำการปรุงอาหารดีๆ มันก็อร่อยได้ แถมมีสารอาหารมากมายกว่าเนื้อสัตว์เสียอีก ประโยชน์อย่างน้อยๆ คือเรา จะไม่มีคลอเรสเตอรอล ที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ เข้ามาในร่างกาย บางคนมักคิดเอาเองว่า หากรับประทานอาหารเจจะทำให้เป็นโรคขาดสารอาหาร แต่ทางการแพทย์กลับยืนยันว่า โรคขาดสารอาหาร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกินเนื้อ หรือกินเจ แต่ขึ้นอยู่กับนิสัยการกินตามใจ ไม่คำนึงถึงคุณประโยชน์ที่จะได้จากอาหารเหล่านั้น
หลักธรรมในการกินเจ การกินเจ ตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ คือ
1. ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กล่าวคือ
1.1 ไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติม บำรุงเลี้ยงชีวิตของตน
1.2 ไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเลือดของตน
1.3 ไม่เอาเนื้อของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเนื้อของตน
2. ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง
การรับประทานสิ่งใดก็ตาม ที่ทำลายสุขภาพของตนให้ทรุดโทรมคือ การเบียดเบียนตนเอง ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้า ได้พิสูจน์ยืนยันแล้วว่า เลือดและเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าตายแฝงไว้ด้วยพิษภัยมากมาย เช่น คลอเรสเตอรอลส่งผลให้เป็นโรคเกี่ยวกับ หัวใจ ส่วนแบคทีเรียและสารกันบูดที่สะสมไว้ในเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่ามานานแล้ว ก็มีแนวโน้มไปทำอันตรายกับกระเพาะอาหารและ ลำไส้ใหญ่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น